วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อาร์เทอมิส (Artemis)


อาร์เทอมิส (Artemis)หรือในภาคโรมันคือไดอานา (Diana)คือเทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ และเป็นเทพีแห่งความรักทางใจ ตำนานการกำเนิดกล่าวว่าเป็นธิดาฝาแฝดของเทพซุสกับนางอัปสร ลีโต(Leto) หรือ แลโตนา (Latona) มีพี่ชายร่วมอุทรคือ เทพอพอลโลซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ และการดนตรี

เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮราซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย เมื่อรู้เรื่องของนางลีโต พระนางจึงสาปแช่งนางลีโตว่าจะไม่สามารถคลอดบุตรบนแผ่นดินใดได้ อีกทั้งยังส่งงูร้าย ไพธอน (Python)ตามฉกกัดนางลีโตตลอดเวลา นางลีโตประสบเคราะห์กรรมอย่างน่าสงสารเพราะไปที่ใดก็ไม่มีใครต้อนรับด้วยกลัวเกรงอาญาของเทพีเฮรา ทั้งต้องหลบหนีงูร้ายจนอยู่ไม่เป็นสุข และเทพซุสก็กลัวเทพีเฮราเกินกว่าจะช่วยเหลือนางลีโตกับบุตรในครรภ์

กระทั่งครบกำหนดครรภ์ นางลีโตเจ็บปวดทุกข์ทรมานปางตายเพราะไม่อาจคลอดบุตรได้ ทำให้เทพโพไซดอนเกิดความสงสาร จึงบันดาลเกาะดีลอส (Delos)ให้โผล่ขึ้นกลางทะเล ไม่ติดต่อกับแผ่นดินใด นางลีโตจึงพ้นคำสาป จนกระทั่งสามารถประสูติเทพฝาแฝด เทพอพอลโล และเทพีอาร์เทอมิส ออกมาอย่างปลอดภัย

ทันทีที่ประสูติออกจากครรภ์ เทพอะพอลโลก็ฆ่างูไพธอนตาย จนได้นามอีกว่า ไพธูส เมื่อเทพทั้งสองประสูติ เทพบิดาซุสจึงอัญเชิญเทพทั้งสองขึ้นเป็นเทพบนเขาโอลิมปัส และคลายความหมางใจระหว่างเทพีเฮรากับเทพฝาแฝดจนเป็นผลสำเร็จ

บทบาทบนเขาโอลิมปัส

เทพอพอลโลถูกสถาปนาขึ้นเป็นสุริยเทพ คุมรถม้าพระอาทิตย์รอบโลกให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ในเวลากลางวัน ส่วนเทพีอาร์เทมีสถูกสถาปนาเป็นจันทราเทวี คุมรถม้าเงินพระจันทร์ ให้แสงสว่างนำทางมวลมนุษย์ในยามกลางคืน ทั้งสองฝาแฝดรักใคร่กันมากและมีความชำนาญในด้านขมังธนูเช่นเดียวกัน โดยธนูของเทพอพอลโลจะแม่นยำร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ ผิดกับเทพีอาร์เทมีสซึ่งปลิดชีพผู้ต้องศรอย่างนุ่มนวลราวแสงจันทร์ จนดูคล้ายกับคนที่นอนหลับไปเท่านั้น

เทพีอาร์เทมีสมีชีวิตโลดโผนกว่าเทพีองค์อื่น เพราะทรงโปรดการล่าสัตว์และชอบชีวิตโสด จนเทพซุสประทานนางอัปสรผู้ไม่ต้องการแต่งงานจำนวน 50 ให้เป็นบริวาร สาเหตุที่พระนางไม่ต้องการมีความรัก ก็เพราะมีความหลังฝังใจจากที่นางลีโตต้องทรมานกับการคลอดบุตร และในเวลาที่ประสูติเทพีอาร์เทอมิสก็ซึมซับความรู้สึกนั้นได้ พระนางจึงไม่เชื่อในความรักและไม่ต้องการคู่ครอง เทพีอาร์เทมีสวิงวอนให้เทพซุสสาบานว่าจะไม่จับคู่สมรสให้พระนางหรือให้พระนางสมรสไม่ว่ากรณีใด และให้พระนางเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ซึ่งเทพซุสก็สาบานโดยให้แม่น้ำสติกซ์ซึ่งไหลรอบนรกเป็นพยาน (การสาบานต่อแม่น้ำสติกซ์มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ใดผิดคำสาบานไม่ว่ามนุษย์หรือเทพเจ้าจะประสบเคราะห์กรรมอย่างร้ายแรง)

ความรัก

ตำนานความรักของเทพีอาร์เทอมิสนั้นมีอยู่สองตำนาน ตำนานแรกคือตำนานของกรีกซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มดาวนายพรานซึ่งสุกสว่างอยู่บนท้องฟ้าในยามกลางคืน ส่วนอีกตำนานหนึ่งคือตำนานของโรมันซึ่งกล่าวถึงเอนดิเมียน ชายหนุ่มเลี้ยงแกะรูปงาม

ในตำนานของกรีกนั้นกล่าวว่าเทพีอาร์เทอมิสทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารีย์ร่วมกับอะธีน่าและเฮสเทียต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ นางชิงชังชีวิตสมรส ความรัก และการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย แต่สิ่งหนึ่งที่เทพีอาร์เทอมิสไม่ปฏิเสธคือการมีสหายเป็นชายที่รักการล่าสัตว์เช่นเดียวกับพระนาง

สหายสนิทของเทพีอาร์เทอมิสมีนามว่าอไรเอิน เขาเป็นนายพรานผู้ฉมังในการล่าสัตว์ มีสุนัขคู่ใจชื่อว่าซิริอุส ทุกๆ วันเทพีอาร์เทอมิสและสหายจะร่วมกันล่าสัตว์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากล่าสัตว์เสร็จ

เทพีอาร์เทอมิสหลงรักนายพรานหนุ่มและคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับอไรเอิน อพอลโล่รู้ถึงความคิดนี้เข้าและกลัวว่าอาร์เทอมิสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบานต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของน้องสาวฝาแฝด

อพอลโล่สั่งให้อไรเอินเดินลุยน้ำทะเลไปยังเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล และเมื่ออไรเอินเดินไปถึงยังจุดที่ไกลจนเมื่อมองจากเกาะดีลอสแล้วจะเห็นเพียงศีรษะของอไรเอินที่มองดูเหมือนกับเกาะกลางน้ำ เทพอพอลโล่ก็ชวนเทพีฝาแฝดมาล่าสัตว์แข่งกัน และท้าพนันให้อาร์เทอมิสยิงธนูทะลุเกาะกลางทะเลที่อพอลโล่ชี้ให้ดูให้ได้

อาร์เทอมิสตกหลุมพรางของเทพฝาแฝด เหนี่ยวสายธนูเต็มแรงจนลูกธนูทะลุศีรษะของอไรเอินถึงแก่ความตาย เมื่ออาร์เทอมิสทราบว่าตนได้ฆ่าชายที่รักลงด้วยน้ำมือของตนเองแล้ว พระนางก็ได้นำศพของอไรเอินและซิริอุสสุนัขคู่ใจขึ้นไปไว้บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพราน และดาวสุนัข
Share:

TOWER OF LONDON วังผีสิงแห่งอังกฤษ


TOWER OF LONDON เป็นกลุ่มปราสาทที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1

เมื่อกว่า 900 ปีมาแล้ว เป็นทั้งปราสาทที่เก็บทรัพย์สมบัติที่คุมขังนักโทษ

และเป็นลานประหาร ใช้เวลาก่อสร้างปรับปรุง 20 ปีมีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่

อยู่ติดแม่น้ำเทมส์ สาเหตุที่หอคอยแห่งลอนดอนผีดุ

เพราะมีคนเด่นคนดังในอดีตหลายคนโดนประหารในป้อมปราการนี้

วิธีประหารมีสองอย่างคือ ตัดคอด้วยขวานและเอาเชือกผูกคอนักโทษเหมือนในหนัง
จะลองไล่รายชื่อนักโทษที่ถููกฆ่าให้ฟังเฉพาะที่สำคัญๆ

เริ่มที่มเหสีสองคนของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 คือ

ควีนแอนน์ โบลีน (แม่ควีนอลิซาเบธที่ 1) ถูกตัดคอด้วยดาบพ.ศ 2079

และควีนแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ดถูกตัดคอด้วยขวานพ.ศ 2085

พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีมเหสี 6 คน

โดนประหารไปสอง (โทษฐานคบชู้สู่ชาย จริงไม่จริงไม่รู้)

มีบันทึกว่ามีคนเห็นวิญญาณควีนทั้งสองอยู่เนื่องๆหลังจากโดนตัดคอ

ต่อมาคือเลดี้เจน เกรย์ เลดี้เจนเป็นธิดาของดยุคแห่งซัฟโฟล์ค

ถูกผลักดันจากคนใกล้ตัวให้ขึ้นเป็นราชินี ข้ามหน้าข้ามตารัชทายาทแท้จริง

คือเจ้าหญิงแมรี่และเจ้าหญิงอลิซาเบธ (พี่น้องคนละแม่ พ่อคือเฮนรี่ที่ 8)

เลดี้เจนเป็นราิชินีได้ 9 วันก็ถูกประหารเมื่อพ.ศ 2097 โดยควีนแมรี่

เจ้าหญิงอลิซาเบธก็เคยถูกพี่สาวสั่งขังเหมือนกัน

แล้วปล่อยออกมาภายหลังได้เป็นควีน ผีเลดี้เจนยังคงวนเวียนอยู่ในควีน เฮ้าส์

สถานที่คุมขังก่อนโดนประหาร

ทหารยามเห็นวิญญาณของเลดี้เจนล่าสุดตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

(พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8)
ย้อนไปก่อนหน้ามีเจ้าชายน้อยสองพระองค์หายสาปสูญไปในปราสาทนี้

คือเจ้าชายอายุ 12 ปีและอายุ 9 ปีโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4

ข่าวลือว่าถูกอาคือพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ฆ่าแย่งราชสมบัติ

ต่อมามีการบูรณะปราสาทและได้พบโครงกระดูกเด็ก

เข้าใจว่าเป็นโครงกระดูกของเจ้าชายทั้งสอง

ไม่นับขุนนางข้าราชการประชาชนนักโทษที่ถูกประหารอีกมากมาย

ฉะนั้นหอคอยแห่งลอนดอนจึงเป็นที่รวมวิญญาณที่มากสุดแห่งหนึ่งของโลก

ปัจจุบันป้อมเหล่านี้เป็นที่เก็บเกราะอาวุธโบราณ

และทรัพย์สมบัติเพชรพลอยอัญมณีของควีนองค์ปัจจุบัน

มีการเลี้ยงอีกาไว้ภายในวังไม่ให้บินหนีด้วยการขลิบปีก

ตำนานว่าถ้าอีกาในวังไม่มีจะทำให้ราชวงศ์ล่มสลาย

(ประตูผู้ทรยศ ใช้เรือนำนักโทษเข้ามา ยากต่อการบุกชิงตัว)
Share:

แสงคล้าย UFO ท้องฟ้าเอลปาโซ – เท็กซัส


พบลำแสง ประหลาย คล้าย UFO โผล่เหนือท้องฟ้า เอล ปาโซ มลรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ ซึ่งมีความเหมือนกับที่ปรากฏ บนฟากฟ้า แมนฮัตตัน นิวยอร์ก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เหตุการณ์ในลักษณะคล้ายกันที่นิวยอร์ก ถูกไขข้อสงสัยอย่างสมเหตุสมผล หลัง ครูในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง บอกว่า มันน่าจะเป็น “ลูกโป่งสวรรค์” ในงานเลี้ยงที่หลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพบเห็นแสงสว่างลึกลับ ที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้ายามมืดมิดใน เอล ปาโซ มลรัฐเท็กซัส ลักษณะคล้ายกันอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยผู้เห็นเหตุการณ์ในเอล ปาโซ ต่างพากันโทรศัพท์แจ้งไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่น และสำนักข่าวต่าง ๆ อย่างไม่ขาดสาย

แสงสว่างลึกลับคล้ายดาวหาง เคลื่อนที่ลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืด ก่อนที่จะแยกออกเป็น 2 และเป็น 3 ตามลำดับ จากนั้นพวกมันจับตัวเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ปรากฏให้เห็นสักพักหนึ่ง ก่อนจะหายไป ซึ่งคล้ายกับที่บันทึกได้ในคลิปวิดีโอการพบแสงประหลาดในนิวยอร์กเป็นอย่าง มาก
Share:

แสงบนเมฆ คล้านจานบิน ยูเอฟโอ (UFO)


หนังสือพิมพ์เดอะซัน ฉบับวันที่ 11 ต.ค.เผยแพร่ภาพคลิปวิดีโอ แสงบนเมฆ คล้านจานบิน ยูเอฟโอ (UFO) ที่อยู่เหนือน่านฟ้ากรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งถ่ายโดยประชาชนท้องถิ่น และถูกโพสต์ในเว็บไซต์ยูทูบและมีผู้เข้าชมมากกว่า 1 แสนครั้ง

มีผู้สนใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ต่างกล่าวอ้างว่า ภาพที่เห็นอาจเป็นยานแม่ของมนุษย์ต่างดาว โดยทำให้นึกถึงฉากที่มนุษย์ต่างดาวกำลังโจมตีโลกในภาพยนตร์เรื่องอินดิเพ นเดนซ์ ​เดย์ หรือ ID4 ซึ่งออกฉายในปี 1996

คลิปนี้ กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในบล็อกส์​ และอีเมล์ ทั่วโลก คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็น ยานของมนุษย์ต่างดาวจริงๆ และว่าเป็นสัญญาณของจุดจบโลก

ส่วนนักอุตุนิยมวิทยามอสโกปฏิเสธทฤษฎีเหนือธรรมชาติ โดยระบุว่า ภาพดังกล่าวอาจเกิดจากปรากฏการณ์ของแสงอาทิตย์ ที่ส่องลอดผ่านเมฆลงมาเท่านั้น

ช่วงนี้โลกเรามีอะไรแปลกๆมากเหลือเกิน สำหรับกรณีนี้ถ่ายได้ทั้งภาพทั้งคลิป ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ประเด็นภาพตัดต่อก็ไม่น่าใช่

ปรากฏการณ์แสงแดดส่งลอดเมฆดูจะมีนํ้าหนักสุด แต่อะไรมันจะบังเอิญเป็นรูปวงกลมซะขนาดนั้น

หรือว่ามันจะเป็น UFO จริงๆนะ?
Share:

ชาวรัสเซียตื่น!!!... เจอแสงประหลาดบนท้องฟ้า


สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวรัสเซียในเมืองเอคาเทอรินเบิร์ก ทางตอนกลางของประเทศ ต้องตื่นตะลึงกับแสงไฟประหลาดสีฟ้า ที่ส่องสว่างอยู่เหนือท้องฟ้าของเมือง

โดยชาวเมืองที่ได้เห็นแสงดังกล่าวเผยว่า มันมีลักษณะคล้ายกับปรากฎการณ์แสงเหนือ แสงธรรมชาติที่มักเกิดขึ้นบริเวณขั้วโลกที่เกิดจากกา รชนกันระหว่างประจุสนามแม่เหล็กโลก แต่ถึงแม้เมืองดังกล่าวจะตั้งอยู่ในองศาละติจูดเดียว กันกับเมืองกลาสโกลว์ ในสก็อตแลนด์ ที่มักเกิดปรากฎการณ์แสงเหนือ แต่สภาพภูมิประเทศก็ไม่เอื้ออำนวยพอที่จะเกิดแสงเหนื อขึ้นได้ จึงทำให้ประชาชนบางส่วนเชื่อว่าเป็นดาวเทียม กระสวยอวกาศ หรือจานบินของมนุษย์ต่างดาว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังทางการรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า แสงประหลาดดังกล่าวเกิดขึ้นจาก กระสวยอวกาศโซยัชซ์ ซึ่งกำลังปฏิบัติการนำดาวเทียมสื่อสารดวงล่าสุดของทห ารรัสเซียขึ้นสู่ระบบวงโคจร ทำให้เกิดเป็นแสงสีฟ้าเหนือท้องฟ้าเมืองเอคาเทอรินเบิร์ก เมื่อกระสวยอวกาศถูกแรงเสียดสีจากชั้นบรรยากาศของโลก

สำหรับปรากฎการณ์แสงประหลาด มักเกิดขึ้นบ่อยในแถบประเทศรัสเซีย ล่าสุดเมื่อปี 2552 เกิดแสงประหลาดลักษณะคล้ายกันที่ประเทศนอร์เวย์ จนประชาชนตื่นตระหนก แต่ท้ายที่สุด แสงประหลาดดังกล่าวเป็นเพียงผลจากปฏิบัติการทดสอบขีป นาวุธบูลาวาของรัสเซีย
Share:

แสงประหลาดบนท้องฟ้าอาร์กติก


ในบางคืนบางท้องฟ้าของตำบลซึ่งอยู่ในแถบละติจูดสูงทั้งทางซีกโลกภาคใต้ ชาวโลกแถบนั้นอาจได้เห็นแสงเรืองแวบวาบเป็นม่านย้อย หรือเป็นเส้นสายหรือคล้ายเปลวไฟมีสีต่างๆ ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ปรากฏการณ์เช่นนี้มักเกิดบ่อยครั้งในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงและมีชื่อเรียกว่า แสงเหนือ หรือแสงใต้ แล้วแต่ว่าเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ขั้วเหนือหรือขั้วใต้ของโลก การเกิดแสงเหนือแสงใต้ขึ้นในบรรยากาศของโลก มีความสัมพันธ์กับการปรากฏของกลุ่มจุดบนดวงอาทิตย์ แสงเหนือแสงใต้มักเกิดภายหลังปรากฏการณ์ลุกจ้า หรือการระเบิดบนดวงอาทิตย์ประมาณหนึ่งวัน ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่า สิ่งที่มาทำให้เกิดแสงเหนือแสงใต้ขึ้นนี้ เดินทางมายังโลกจากบริเวณลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ ด้วยความเร็ว 1,600 กิโลเมตรต่อวินาที

แสงเหนือแสงใต้ มีความสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กของโลก เพราะบริเวณที่ปรากฏแสงเหนือแสงใต้ ให้เห็นบนท้องฟ้าบ่อยที่สุดนั้น เป็นโซนห่างจากขั้วเหนือและใต้ของแม่เหล็กโลก จาก 20 ถึง 25 องศาโดยรอบ สำหรับตำบลที่มองเห็นแสงเหนือแสงใต้จากไกล จะปรากฏว่าศูนย์กลางความสว่างของแถบแสงอยู่ตรงทิศทางตามแนวของเข็มทิศพอดี นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า แสงเหนือแสงใต้เกิดจากการที่อนุภาคไฟฟ้า โดยเฉพาะโปรตอนและอิเลคตรอนซึ่งเดินทางมาจากดวงอาทิตย์ พุ่งเข้าชนบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วนับร้อยหรือพันกิโลเมตรต่อวินาที อนุภาคเหล่านี้มีกำเนิดในบรรยากาศของดวงอาทิตย์บริเวณเหนือกลุ่มจุดและจะเกิดขึ้นมากมายมีความเร็วสูงขณะเมื่อเกิดการลุกจ้าหรือการระเบิดขึ้นในบริเวณนั้น กระแสอนุภาคเหล่านี้บางส่วนจะเคลื่อนที่มาทางโลกของเรา โดยเหตุที่โลกมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่รอบตัว อนุภาคไฟฟ้าไม่สามารถจะเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กเข้ามาตรงๆ ได้ จึงมีการเบี่ยงเบนหมุนควงตามเส้นแรงแม่เหล็ก เข้าสู่บรรยากาศของโลกทางขั้วเหนือและขั้วใต้ของโลก

แสงสีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากในบางขณะดวงอาทิตย์ได้ส่งกระแสอิเลคตรอนจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์มายังโลก อิเลคตรอนนี้จะถูกสนามแม่เหล็กบังคับให้เบนไปสู่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ณ ที่นั้นอิเลคตรอนจะกระทบกับอะตอมและโมเลกุลของอากาศในบรรยากาศชั้นบน ทำให้อะตอมและโมเลกุลของอากาศแตกตัวเป็นอิออนไฟฟ้าเปล่งแสงสีออกมา

แสงสีที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือ เรียกว่า แสงเหนือ

แสงสีที่เกิดที่ขั้วโลกใต้ เรียกว่า แสงใต้
Share: