วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

2012 ปรากฏการณ์ ขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่



pole shift คือเหตการณ์ที่ขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่กำลังจะเกิดใน ค.ศ. 2012 หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดมานานแล้ว แม้แต่ตอนนี้ก็เกิด นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนที่ตั้งแต่ที่ค้นพบขั้ว เหนือแม่เหล็กโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อนแล้ว การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 องศาต่อ 1 ล้านปีหรืออาจเร็วกว่านั้น

ขั้วแม่เหล็กของพระอาทิตย์จะกลับทิศทางอยู่อย่างนั้น จนถึงปี ๒๕๕๕ เมื่อมันจะมีการกลับขั้วขึ้นอีกครั้งเมื่อ จุดสูงสุดของวงรอบดวงอาทิตย์ รอบใหม่มาถึง ทุกๆ ๑๑ ปี




ขั้วแม่เหล็กของโลกเองก็มีการพลิกตัวเช่นกัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ช่วงของการกลับขั้วมีช่วงห่างกัน ระหว่าง ๕๐๐๐ ถึง ๕๐ล้าน ปี และการกลับขั้วครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ ๗๔๐,๐๐๐ ปีก่อน นักวิจัยบางคนบอกว่า ดาวของเราได้เลยกำหนดการกลับขั้วนั้นมานานแล้ว และไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่า การกลับขั้วครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นอีกทีเมื่อใด

ใน ขณะนี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือของโลกอยู่ทางตอนเหนือของแคนาดา และนักวิทยาศาสตร์ก็รู้มานานแล้วด้วยว่า ตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กนั้นเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยในศตวรรษที่๒๐ ขั้วแม่เหล็กได้เคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือ ประมาณ ๑๐ กิโลเมตรต่อปี และเร็วนี้ ได้เพิ่มความเร็วขั้นเป็น ประมาณ๔๐กิโลเมตรต่อปี นี้จะทำให้เข็มทิศในแอฟริกา เปลี่ยนไป ๑องศาใน๑ ศตวรรษ

แกลตซาเมียร์ (Glatzmaier) ได้ทำแบบจำลองโครงสร้างภายในแกนโลกขึ้นเพื่อหาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อแกนแม่ เหล็กโลก จากการทำการจำลองโดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แสดงให้เห็นว่า สนามแม่เหล็กมีการเพิ่มขึ้น ลดลง และกลับขั้วเป็นบ้าง การเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นเรื่องปกติ แกลตซาเมียร์ (Glatzmaier) กล่าว

พวกเขายังเรียนรู้ อีกด้วยว่า อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อขั้วแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง การกลับขั้วกินเวลากว่าพันปี และระหว่างนั้น ขัดกับความเชื่อเดิมๆ สนามแม่เหล็กไม่ได้หายไป มันเพียงแค่ซับซ้อนขึ้นเท่านั้น แกลตซาเมียร์ กล่าว เส้นแรงแม่เหล็กมีการบิดเบี้ยงและพันกัน ขั้วแม่เหล็กโผล่ขึ้นมาในที่ๆแปลกประหลาด ขั้วแม่เหล็กโลกใต้อาจอยู่ที่ แอฟริกา หรือขั้วแม่เหล็กเหนืออาจอยู่ที่ตาฮิติ แต่ว่าสนามแม่เหล็กของโลกยังคงมีอยู่ และมันจะยังคงปกป้องเราจากรังสีในอวกาศและพายุดวงอาทิตย์
การสำรวจในช่วงไม่กี่ปีมานี้พบว่า ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าโลกใกล้จะสลับขั้วหรือกำลังวิปริต เพราะอัตราการเคลื่อนที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ

หากเกิดการสลับขั้วแม่เหล็กโลกจริง จะทำให้เกิดหายนะถึงขั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากหรือไม่เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีบทบาทสำคัญในการเป็นเกราะคุ้มกันรังสีอันตรายจากห้วง อวกาศ ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า หากเกิดความผิดปกติของสนามแม่เหล็กโลก เช่น สนามแม่เหล็กหายไปซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก ก็ย่อมส่งผลต่อสรรพชีวิตบนพื้นโลกอย่างแน่นอน

ผลกระทบที่ว่านี้จะรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายหรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่หรือไม่? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

จากการเทียบบันทึกการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตซึ่งเกิดมาแล้วหลายครั้ง เราไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิด ขึ้นบนโลก นี่น่าจะพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากโลกสลับขั้วแม่เหล็กในช่วงนี้ ก็คงไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย

งานวิจัยด้านสนามแม่เหล็กโลกเมื่อไม่นานมานี้เผยว่าสนามแม่เหล็กโลกซับซ้อนกว่าที่คิด โลกมิใช่มีเพียงแม่เหล็กแท่งใหญ่แท่งเดียว แต่ยังมีแม่เหล็กขนาดย่อมกระจายอยู่หลายส่วนทั่วโลก ช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก แม่เหล็กตัวใหญ่จะอ่อนกำลังลงไปมากจนเผยให้เห็นอิทธิผลของแม่เหล็กตัวย่อย

ในช่วงเวลาดังกล่าวโลกจะมีขั้วแม่เหล็กเหนือใต้หลายแห่งบนโลก สนามแม่เหล็กโลกจะซับซ้อนยุ่งเหยิงมาก แน่นอนว่าช่วงนี้เราอาจใช้เข็มทิศไม่ได้ สัตว์บางชนิดที่ต้องพึ่งพาสนามแม่เหล็กโลกก็อาจประสบความยากลำบาก แต่ด้านดีก็คือ สนามแม่เหล็กยังคงมีกำลังมากพอที่จะคุ้มครองสิ่งมีชีวิตได้


โปรดใช้พิจารณาญาณในการอ่าน
Share:

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ตะลึง! พบซากสัตว์ประหลาดยักษ์ลอยเกยตื้นที่จีน


โดยสัตว์ประหลาดตัวนี้ มีลักษณะที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน มีลำตัวคล้ายปลายาวประมาณ 16 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 4.5 ตัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วชายหาด เนื่องจากสัตว์ประหลาดตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก

จากกรณีดังกล่าว ทางการมณฑลกวางตุ้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว เพื่อหาคำตอบต่อไปว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นสัตว์สายพันธุ์ใดกันแน่ แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้คงเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกใต้มหาสมุทรเป็นแน่ เพราะดูจากขนาดตัวแล้วมันคงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลได้เลย และดูรูปร่างของมันก็คล้ายกับวาฬฟิน ซึ่งเป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่มาก สามารถโตเต็มที่ได้ถึง 27 เมตร และมีน้ำหนักถึง 75 ตันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีการคาดว่ามันคงได้รับบาดเจ็บจากการล่าสัตว์น้ำ เนื่องจากลำตัวของมันมีเชือกตาข่ายติดอยู่ด้วย จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีคนจับมันได้แต่ไม่สามารถยกร่างของมันขึ้นบนเรือได้ จึงตัดตาข่ายทิ้งเสีย

ทั้งนี้ ทางการจีนกำลังเร่งตรวจสอบร่างของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้โดยเร็ว เพราะตอนนี้ ศพของมันเริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็นไปไกลแล้ว ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นและพื้นที่ใกล้เคียง ได้พากันมาดูร่างของมัน แม้กลิ่นจะเหม็นก็ตาม

นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่สัตว์ประหลาดชนิดนี้ลอยมาตายเกยตื้น ทั้ง ๆ ที่เป็นสัตว์ใต้ทะเลลึกนั้น เป็นเพราะเกิดเหตุผิดปกติบางอย่างใต้น้ำ เช่น แผ่นดินไหวในทะเล หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีสัตว์ใต้ทะเลลึกลอยมาตายเกยตื้นอยู่หลายครั้ง และก็มักจะเกิดแผ่นดินไหวตามมา ขณะที่หลายคนก็เห็นว่า มันอาจถูกล่าจนได้รับบาดเจ็บเท่านั้นเอง
Share:

สุดประหลาด! ฝูง"ปลาซาร์ดีน"นับล้าน ลอยคอดำทะมึน เต็มท้องทะเล"เม็กซิโก"!?


แทบไม่น่าเชื่อว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกของเราจะเกิดปรากฎการณ์อันน่าเหลือเชื่อ กระทบ สะเทือน และสะท้านความสะพรึงกลัวของเหล่ามวลมนุษยชาติได้ขึ้นอีกหนึ่งเหตุการณ์ คือ กรณีการเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเกิดคลื่นยักษสึนามิ ระดับความสูง 10 เมตร ถล่มซัดเข้าชายฝั่ง กลืนกินพื้นแผ่นดิน สิ่งก่อสร้างที่อยู่อาศัย พร้อมกับชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิตให้เรียบเป็นหน้ากลองสร้างความสูญเสียและนำพาความเศร้าสลดได้มากมายขนาดนี้ ขณะที่อีกฟากหนึ่ง ของมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ประเทศเม็กซิโก ณ บริเวณชายหาดของอ่าวอะคาปุลโก ก็กลับเกิดปรากฎการณ์ฝูงปลาซาร์ดีนนับล้านตัว จับกลุ่มลอยคออยู่บริเวณชายหาดดังกล่าวจนเปลี่ยนจากสีฟ้าครามเป็นดำทะมึนไปทั่ว

ฝูงปลาซาร์ดีนจำนวนมหาศาลเหล่านี้ สร้างความตกตะลึงให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ พักผ่อนยังอ่าวอะคาปุลโกเป็นอย่างมาก
จากเหตุการณ์ประหลาดดังกล่าว มีผู้วิเคราะห์ว่า นั่นน่าจะเป็นผลพวงมาจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ปลาซาร์ดีนหลงทิศและยังจับกลุ่มกันมาถึงชายหาดดังกล่าวนั่นเองโลกเรา นับวันชักจะยิ่ง"วิปริตแปรปรวน"ไปกันใหญ่ หรือจริงๆแล้ว มันเป็นเพราะ"กลไกของธรรมชาติ"กันนะ
Share:

ตะลึง! พบปลาแปลกในทะเลญี่ปุ่น คาดเป็นฉลามโบราณที่ยังมีชีวิต


เอเจนซี – สวนสัตว์ใต้น้ำของญี่ปุ่นพบปลาฉลามพันธุ์หายากซึ่งอาศัยอยู่ใต้น้ำลึกถึง 2,000 ฟุต มีลักษณะเหมือนปลาไหล แต่มีฟันแหลมคมเต็มปากเหมือนปลาฉลาม หลังชาวประมงใกล้ท่าเรือเตือนให้ระวังสัตว์หน้าตาประหลาดนี้

เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ใต้น้ำจับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวยาว 5 ฟุตได้ ซึ่งพวกเขาระบุว่ามันคือปลาฉลามเพศเมีย โดยบางทีอาจเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ เพราะมันเป็นปลาสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยตั้งแต่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์
ทว่า เจ้าตัวประหลาดที่ทางสวนสัตว์ใต้น้ำจับมาได้มีอาการค่อนข้างอ่อนแอ เมื่อเจ้าหน้าที่ย้ายมันไปไว้ในสระน้ำทะเล แล้วถ่ายภาพขณะมันกำลังว่ายน้ำ และอ้าปากให้เห็นฟันเอาไว้ และต่อมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงมันก็ตาย

ขณะที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ใต้น้ำ เชื่อกันว่า เจ้าสัตว์แปลกตัวนี้เป็นปลาหายากอย่างมาก เพราะพวกมันจะอาศัยในน้ำทะเลลึก 1,968 – 3,280 ฟุต ซึ่งลึกเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถดำลงไปได้ และที่มันขึ้นมาใกล้ผิวน้ำอาจเป็นเพราะว่ามันกำลังป่วย หรือไม่ก็อ่อนแอ เพราะขึ้นมาอยู่บริเวณน้ำตื้น

ทั้งนี้ บางครั้งปลาฉลามลักษณะคล้ายกันๆ ก็ถูกจับโดยแหของชาวประมง แต่ไม่ค่อยพบว่าพวกมันรอดชีวิต
Share:

รวบรวมประวัติศาสตร์ "วันโลกจะแตก"

ค.ศ.33-150 ชาวคริสต์ยุคแรกกลุ้มใจว่าโลกจะแตกสลาย

ค.ศ.992-1000 พระชาวยุโรปคิดว่า โลกจะวินาศในปี ค.ศ.1000 ผู้คนจึงหวาดกลัวกันใหญ่

ค.ศ.1001 ปรากฏว่าโลกยังไม่แตก พระชาวฝรั่งเศสจึงบอกว่า ภัยพิบัติจะเลื่อนไปเกิดปี ค.ศ.1033

ค.ศ.1033 โลกยังหมุนต่อไป

ค.ศ.1186 (พ.ศ.1729)เกิดดาวเคราะห์เรียงตัวกัน ชาวยุโรปนึกว่าโลกจะล่มสลาย

ค. ศ.1346-1418 (พ.ศ.1889-1961) เกิดโรคกาฬโรคขึ้น ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปตาย และคร่าชีวิตประชากรครึ่งประเทศในอังกฤษ แต่มนุษย์โลกก็เพิ่มจํานวนกลับคืนมาตามเดิม

ค.ศ.1501 (พ.ศ.2044) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบรหัสไบเบิ้ล เรียกมันว่า"ไบเบิ้ลโค้ด" ได้ผลทํานายออกมาว่า โลกจะแตกใน ปีค.ศ.1656 (พ.ศ.2199)

ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทํานายผิด

ค.ศ. 1844 วิลเลียม มิลเลอร์ บอกสาวก50,000 คนว่า โลกจะพินาศในปีนี้แล้ว แต่ก็ผิดหวัง

ค.ศ.1848 วิลเลียมบอกว่า มันจะเลื่อนมาเกิดปีนี้ต่างหาก .. แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิลเลียมจึงบอกว่า มันเลื่อนไปเกิดปีหน้า

ค.ศ.1849 วิลเลียมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป

ค.ศ.1910 ดาวหางฮัลเล่ห์ปรากฏ ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าจะเกิดวันสิ้นโลก

ค. ศ.1925 แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์บอกว่า พระเจ้ามาบอกว่า โลกจะพินาศในปีนี้ เผอิญปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ ภาวะบ้านเมืองอึมครึม คนเลยเชื่อใหญ่ บางคนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวันที่แม่ชีว่าจะเกิด แม่ชีไรท์พาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิดพลาดอีก..

ค.ศ.1945 ชาร์ล ลอง นักฟิสิกส์อังกฤษ บอกว่า โลกจะพินาศ ซึ่งในระยะเดียวกันนั้น บังเอิญเกิดดาวหางบ่อยๆ เกิดสุริยคราสและจันทราคราส บ่อยๆ น้ำท่วมเป็นประจํา แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่ก็ผิดพลาดหนักเข้าไปอีก

ค.ศ.1975 กลุ่มชาวคริสต์ออกมาทํานายว่าปีนี้โลกจะพินาศ หลังจากทายผิดติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี

ค. ศ.1996 ไมเคิล ดรอสนินท์และเอลิยา ริปป์ ตีความไบเบิ้ลโค้ด แล้วบอกว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3ในวันที่ 25 กรกฏาคม ...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลและริปป์จึงบอกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3และภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นแน่ แต่เลื่อนไปในปีค.ศ.1999

ค.ศ.1999 นอสตราดามุส บอกว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3... นอกจากนอสตราดามุสแล้ว ยังมีไมเคิลกับริปป์ที่หน้าแหกเป็นเพื่อนอีกตั้งหาก

ค.ศ.2000 ดาวเคราะห์เรียงตัวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้คนบนโลกเชื่อว่าโลกจะแตก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ค.ศ.2003 กลุ่มที่เชื่อเซคาริยาห์อ้างว่าดาวนิบิรุจะโคจรมาใกล้โลก ก่อเกิดภัยพิบัติ ที่ญี่ปุ่นมีกลุ่มคนพากันเข้าป่า เตรียมเสบียง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006 กลุ่มไบเบิ้ลโค้ดเชื่อว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามที่คัมภีร์ทํานายว่าจะเกิดใน สิงหาคม 2006 แต่ก็ผิดอีก..อ้างอิงบางส่วนจาก หนังสือ The World and I
Share:

คำทำนายวันสิ้นโลก

ต่อไปนี้คือรายละเอียดของคำทำนายทั้งหมดครับ โปรดอ่านอย่างไตร่ตรอง มิต้องเชื่อ

สัญญาณอันตราย :
1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดินครับ อย่านิ่งเฉยเชียวนะ โลกเริ่มเอาคืนแล้วนะครับ
2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ช่วงนี้เป็นหน้าหนาวนะครับ
3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน)
*ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียที่ทวีปเอเชีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
2. พายุถล่ม
3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
4. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก,อีกทั้งที่จังหวัด ราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)
5. คลื่นยักษ์จากทะเล
6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ Virusteria,อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน
7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมากก่อน
8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

การเตรียมตัวเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว
1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6เดือน
2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
4. ที่อยู่อาศัย
5. ยารักษาโรค
6. ด่างทับทิมและคาราไมล์(จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหารที่มาได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนอาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
8. เครื่องช่วยชีวิต
9. แสงสว่างเช่น เทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)ทุกอย่างจะถูกตัดขาด
10. เครียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
วิธีการดูแลตัวเองในช่วงวิกฤติ
1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม (เหตุผลอยู่ในข้อ 4 ครับ)
2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น มลภาวะที่ขึ้นไปติดค้างอยู่ตามชั้นบรรยากาศจะลงมาพร้อมกับฝน
3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลียงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง (ตอนนั้นคงขึ้นราคาอ่ะนะ ฮ่าๆๆ)
4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพ จะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คนที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดนเด็ด ขาด
5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างครับ
7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษเช่น งูพิษ จระเข้
10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำทำนายอาจจะไม่เกิดขึ้นจริงหรือจะเกิดขึ้นก็ตามทุกท่านต้องใช้สติสัมปัญชันญะที่มีติตรองให้ดี

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ รู้เชื่ออย่างมงาย ตั้งในสติปัญญาติตรอง
Share: