วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

รังสีแกมมา(Gamma


รังสีแกมมา(GammaRay) ใช้สัญลักษณ์ y เกิดจากการที่นิวเคลียสที่อยู่ในสถานะกระตุ้นกลับสู่สถานะพื้นฐานโดยการปลดปล่อยรังสีแกมมาออกมา รังสีแกมมา ก็คือโฟตอนของการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับรังสีเอ็กซ์ แต่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าและมีอำนาจในการทะลุทะลวงสูงมากกว่ารังสีเอ็กซ์ ไม่มีประจุไฟฟ้าและมวล ไม่เบี่ยงเบนในสนามไฟฟ้าและสนามแม่ เหล็กและ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง 

ประโยชน์ของรังสีทางการแพชย์
1.รังสีวินัจฉัย ได้แก่ การเอกซเรย์ทั่วไป การตรวจพิเศษทางรังสี เพื่อใชในการวินิจฉัยโรค

2.รังสีรักษา รังสีในทางการแพทย์ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ รังสีแกมมา ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของแร่บางชนิด ได้แก่ แร่เรเดียม แร่ซีเซียม และแร่โคบอลต์ เป็นต้น และรังสีเอกซ์ที่เกิดจากเครื่องผลิตรังสี ซึ่งอาศัยหลักการทำงานเหมือนเครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์ คือ อิเล็กตรอนจะวิ่งไปชนเป้า และปล่อยรังสีเอกซ์ออกมา รังสีทั้ง 2 ชนิดทำให้เนื้อมะเร็งตายได้เหมือนๆ กัน โดยที่การตายของเนื้อมะเร็งมี 2 ลักษณะ คือ เซลล์แตกตายในทันที หรือเซลล์สูญเสียคุณสมบัติในการแบ่งตัว
การใช้รังสีรักษาในการรักษามะเร็งกระทำได้โดยการฉายรังสีไปยังตำแหน่งที่เป็นโรค ซึ่งสามารถฉายรังสีคลุมก้อนมะเร็งทั้งหมด และต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงได้ เครื่องฉายรังสีในปัจจุบัน มีด้วยกันหลายแบบ ขึ้นกับพลังงานทะลุทะลวง ซึ่งสามารถกำหนดความลึกของปริมาณรังสีสูงสุดได้ จึงทำให้ปริมาณรังสีสูงสุดอยู่ลึกไปจากผิวหนัง ดังนั้น เมื่อฉายรังสีอย่างระมัดระวังจะพบอาการแทรกซ้อนน้อยลง หรือในขนาดที่ยอมรับได้ เครื่องฉายรังสีที่นิยมใช้คือ เครื่องโคบอลต์ และเครื่องเร่งอนุภาคคือ การฉายรังสีที่อวัยวะที่เป็นมะเร็งเพื่อรักษาโรค
3.
เวชศาสตร์นิวเครีย คือวิทยาการด้านการแพทย์สาขาหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้สารกัมมันตรังสีในการตรวจวินิจฉัย หรือ รักษาโรคบางชนิดเช่น โรคต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ สารกัมมันตรังสี  ( Radioactivity ) หรือ ราดิโอนิวไคลด์ ( Radionuclides ) คือสารที่มีโครงสร้างอยู่ในสภาวะไม่เสถียร จะมีการสลายตัวปล่อยอนุภาคและรังสีชนิดต่างๆออกมา ได้แก่ อนุภาคอัลฟ่า อนุภาคเบต้า และ รังสีแกมม่า สารกัมมันตรังสีมีทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติ และ มนุษย์ผลิตขึ้น ตัวอย่างสารกัมมันตรังสีที่นำมาใช้งานทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ เช่น Tc-99m, Tl-201, Xe-133, I-131สารเภสัชรังสี ( radiopharmaceuticals ) หมายถึง สารเคมีที่ติดฉลากด้วยสารกัมมันตรังสี ซึ่งสารเคมีนี้จะมีโครงสร้างและคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะใช้นำเข้าไปในร่างกายเพื่อการวินิจฉัยโรค
Share:

ผู้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง แต่มีความขาดแคลนต่อการแสดงข้อมูลยืนยัน


กรณีใดเป็นการปรากฎของมนุษย์ต่างดาว

ผู้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง แต่มีความขาดแคลนต่อการแสดงข้อมูลยืนยัน จากที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ด้วยเพราะสองประเด็นใหญ่คือ

1.ถูกปกปิดข้อมูลโดยรัฐบาล (อเมริกา)
2.มีข้อขัดข้องต่อหลักการวิทยาศาสตร์ ที่จะให้ประชาคมมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องเพื่อเข้าใจแต่ละปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง

จึง เป็นเงื่อนไขทำให้มีช่องว่าง และมีรายละเอียดต่างๆน้อยมาก กลอุบายที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาใช้ปกปิดต่อประชาคมโลก เป็นเรื่องผิดปกติโดยเฉพาะในสหรัฐฯเอง แน่นอนยิ่งมองเห็นความเป็นไปได้ เรื่องมนุษย์ต่างดาวมีน้ำหนัก

กลายเป็นแรงจูงใจเห็นความไม่โปร่งใส และเป็นเรื่องปกติที่สาธารณะเมื่อไม่ได้รับข่าวสารจากรัฐบาล จำต้องสืบค้นความลับให้ประจักษ์ในด้านต่าง แม้แต่ประดิษฐ์กรรมเครื่องบินที่ปกปิด ที่ออกแบบหรือปรับปรุงใหม่โดยรัฐบาล อาจถูกนำไปกล่าวขวัญถึงยานมนุษย์ต่างดาวในที่สุด

ครึ่งหนึ่งของ ประชาคมโลกเชื่อข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ว่ามนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกยิ่งจะทำให้ตกใจได้ขึ้นไปอีก หากเกิดจู่ๆเป็นข่าวที่น่ากลัว จากเหตุหนึ่งเหตุใด

สำหรับเครื่อง ยนต์ กลไกของยานมนุษย์ต่างดาวนั้นยากจะนึกออกว่ามีลักษณะเช่นใดจึงมีความสามารถ เดินทางข้ามระหว่างจักรวาลได้ เพราะด้วยระยะทางนับร้อยนับพันปีแสง และระหว่างทางเต็มไปด้วยอุปสรรค เช่น หลุมดำ แรงโน้มถ่วง ที่เป็นรอยต่อระหว่างระบบดาว สสารมืดที่มีทั่วไปถึง 70% กลุ่มอุกกาบาต หรือ เรื่องเชื้อเพลิงพลังงาน การดำรงชีพตลอด ระยะการเดินทาง เป็นต้น

เพราะ ฉะนั้นระบบเทคโนโลยีคงไม่เหมือนบนโลกที่เข้าใจแน่ และทำไมยานมนุษย์ต่างดาวต้องลงจอด เฉพาะในสหรัฐอเมริกาหลายครั้งเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งสร้างความสงสัยว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของมนุษย์ต่างดาว จากข้อกล่าวหา

กระทั่ง มีการอ้างขึ้นอย่างไม่รู้ โดยความเป็นจริงนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ลดล่ะต่อเรื่องนี้ เหตุผลซึ่งอธิบายได้คือ มีการติดตามปรากฎการณ์แปลกๆและสำคัญเสมอ แต่เมื่อพิสูจน์แล้ว ไม่เคยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว

เพราะแม้แต่ลูกเห็บตกจากท้องฟ้า นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องเฝ้าติดตาม ตลอดเวลา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จำต้องแสดงเหตุอย่างประจักษ์แจ้งในทางกายภาพ ถ้า UFO หรือมนุษย์ต่างดาวเข้ามาสู่โลกจริง เรดาห์ระบบของสนามบินทั่วโลกสามารถ ตรวจจับและรายงานวัตถุลึกลับนั้นได้ทันที หรือระบบดาวเทียมจำนวนมากของหลายประเทศก็ตรวจจับได้

นอกจากนั้นยัง มีหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ จำนวนนับ ร้อยหลายที่เฝ้าคอยตรวจสอบท้องฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืน อย่างไม่เคยหลับ แต่ก็ไม่เคยพบและพิสูจน์ได้ว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว

ยังไม่เคย มีห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ในโลกที่หนึ่งที่ใด ที่ได้รับชิ้นส่วนแม้แต่ชิ้นเดียวเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว เพื่อทำการวิเคราะห์ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพอากาศสหรัฐฯ สามารถเก็บตัวอย่างชิ้นส่วน เรียกว่า Space junk (ขยะอวกาศ) ได้แล้วมากกว่า 1,000 ชิ้น จากสถานีอวกาศสากล จากดาวเทียมที่หมดสภาพการใช้งานและดาวเทียมที่ใช้งานปกติ แต่ยังไม่เคยพบชิ้นส่วนใดๆที่แสดงถึงหรือเกี่ยวข้องกับ มนุษย์ต่างดาวเลย

อย่าง ไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ ยังมีความหวังและเชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจมีมนุษย์ต่าง มาเยือนโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ใฝ่ฝันที่จะต้อนรับเช่นกัน ซึ่งจะได้รู้ว่า มนุษย์ต่างดาวนั้น มีความฉลาดรอบรู้ หรือหน้าตาเป็นอย่างไร แม้ว่าเป็นเรื่องยากจะเกิดขึ้นก็ตาม

หลายประเด็น แสดงเหตุผลอย่างเลื่อนลอย ไม่ใช่เพราะเลื่อนลอย แต่หมายความว่าขาดแคลนพยานหลักฐานที่ประจักษ์แจ้ง ทำให้การอ้างขาดน้ำหนัก ความเชื่อถือ

แต่ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกจริง แต่ขาดพยานหลักฐานเพราะ ไม่ต้องการให้มนุษย์รู้ และบางคนเชื่อว่ามีจริง ก็ไม่สามารถหยุดความเชื่อนั้นได้ เพียงแต่จะไม่สามารถอ้างอิง บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ได้เท่านั้น

ข้อสรุป ความสำคัญอยู่ที่การแบ่งแยกระหว่าง ข้ออ้างและมนุษย์ต่างดาว ที่เข้ามาเยือนโลก (หรือเคยมาในอดีต) และความเป็นไปได้ของอารยะธรรมที่มี หลังจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 การท่องอวกาศมีความเป็นจริงขึ้นเพราะเหตุใด นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากทดลองจนสำเร็จเป็นจริง และการท่องของโลกอื่นก็ย่อมเป็นไปได้เช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีและอารยธรรม แม้วันนี้โลกเพียงมีความสามารถเดินทางสู่ดวงจันทร์ได้ อนาคตอาจสู่ถิ่นฐานที่ไกลขึ้น แม้ยังมีข้อโต้แย้งมากมาย แต่เวลาที่ผ่านไปและมีอารยะธรรมเกิดขึ้นเป็นไปแบบปกติ อาจมีหนทางเดินทางสู่ดาวอื่น และดาวอื่นก็มีหนทาง มาสู่โลกเช่นกัน
Share:

การมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวครั้งโบราณ

ความ เชื่อของคนส่วนใหญ่เรื่องมนุษย์ต่างดาว เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้นโบราณเดินทางมาด้วยยาน วันนี้ก็เช่นกัน หลายคนยอมรับไปแล้วว่ามนุษย์ต่างดาว เคยมาเยือนโลกจริงๆ ความคิดบนโลกกรณีดังกล่าวฟังดูน่าจะเป็นไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารยธรรม ที่เจริญเกิดขึ้นในกาแล็คซี่ โลกให้ความสนใจต่อมนุษย์ต่างดาว แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่า ยานต่างดาวนั้นเข้ามาศึกษาโลก เมื่อพันล้านปีที่แล้ว หรือ บรมยุคกำเนิดโลก ก่อนพัฒนาการระบบมนุษย์หรือไม่

หรือเข้ามาศึกษามนุษย์หลังจากเกิด อารยธรรมแล้ว แต่มีผู้คนจำนวนหนึ่งอ้างว่า กรณีมนุษย์ต่างดาวเยือนโลก มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ หลักฐานดังกล่าวคือ การแสดงรูปแบบลายเส้น ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลกสนับสนุน เหตุผลการมาเยือนโลกของมนุษย์ต่างดาว เป็นตำแหน่งเห็นชัดจากอวกาศ สำหรับการลงจอดยาน

ทางโบราณคดี มีความประหลาดใจ จากข้อสันนิษฐานต่อครื่องมือที่ใช้การกระทำดังกล่าว การอ้างทางโบราณคดีด้วยความรู้เช่นนั้น ยังไม่สามารถที่จะเป็นข้อสรุปเกิดจากฝีมือมนุษย์ต่างดาวเช่นกรณี ร่องรอยลายเส้นบนพื้นของ Nazca desert ในประเทศเปรู
Share:

วงกลมปริศนา และการลักพาตัว

ความ หายนะ UFO ของมนุษย์ต่างดาวที่ Roswell ถูกสงสัยถึงคำอธิบายต่างๆจึงไม่สามารถพาดพิงไปในแง่ความสำเร็จให้มีน้ำหนัก พอ เรื่องการเยือนโลกของมนุษย์ต่างดาวได้สมบูรณ์นัก

เพื่อให้มีความ เป็นจริงต่อการเปิดเผย สู่สาธารณชน เพื่อให้เกิดการพิสูจน์ เรื่องเห็นมนุษย์ต่างดาวซึ่งหน้า ในฐานะเพื่อนบ้าน เช่น การลักพาตัว (Abductions) หรือวงกลมปริศนา (Crop circles) และอีกหลายเรื่อง เช่น ปรากฎการณ์ทำลายปศุสัตว์ในฟาร์มวัว และกัดกินแพะ เป็นต้น

วงกลม ปริศนา เกิดขึ้นครั้งแรกในอังกฤษ รูปแบบใช้หลักเกณฑ์ทางเรขคณิตเพื่อเจตนาให้เห็นเป็นลักษณะความสามารถ สื่อความหมายจากต่างดาว โดยเป็นการติดต่อด้วยวิธีสากลสู่มนุษย์ ให้ทันสมัยขึ้นตามยุค

แต่เมื่อพิสูจน์แล้วผลคือ การกระทำดังกล่าวเป็นฝีมือ มนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ยาก ช่วงไม่เกินข้ามคืน เป็นการเล่นตลก มิใช่ข้อความจากต่างดาว

ประดิษฐกรรม ที่เกิดขึ้นบนทุ่งหญ้า มีมากขึ้นเรื่อยๆ การออกแบบมีความซับซ้อนน่าเชื่อมากขึ้นตามลำดับ เพื่อให้เกิดการตีความที่พิศดารออกไป หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการสร้างวงกลมปริศนา ยอมรับว่าต้องการเล่นตลก
Share:

สิ่งที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริงแต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์

มนุษย์ต่างดาว (Alien) เป็น
สิ่งที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริงแต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ลักษณะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลก ซึ่งในความคิดของคนส่วนใหญ่ มักจะวาดภาพ มนุษย์ต่างดาว ลักษณะคล้ายคนแต่ ตัวเขียว หัวโต ตาโต เคยมาเยือนโลก
ได้มีการแบ่งประเภทการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวไว้ 5 ระดับ คือ
  • การเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง (Close Encounters of the First Kind) หมายถึง การได้พบปะหรือเจอะเจอกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวในระยะที่ไกลห่างออกไป เช่น จานบินลอยอยู่บนท้องฟ้า หรืออยู่ห่างจากผู้ที่พบเจอในระยะ 50 หลา เป็นต้น
  • การเผชิญหน้าระดับที่สอง (Close Encounters of the Second Kind) หมายถึง การพบปะกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวคล้ายกับการเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง แต่อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น เช่น อาจพบจานบินที่จอดอยู่บนพื้น เป็นต้น
  • การเผชิญหน้าระดับที่สาม (Close Encounters of the Third Kind) หมายถึง การได้เข้าไปในจานบินจะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และ สามารถออกมาได้ ในปี 1977 ได้เอาชื่อนี้มาสร้างหนัง มนุษย์ต่างโลก
  • การเผชิญหน้าระดับที่สี่ (Close Encounters of the Fourth Kind) หมายถึง การที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป อาจจะถูกทดลองด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และออกมาได้
  • การเผชิญหน้าระดับที่ห้า (Close Encounters of the Fifth Kind) หมายถึง การที่มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในระดับที่เป็นกิจจะลักษณะ สามารถสื่อสารกันได้ความระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว
Share: