วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มหาลัยที่มีอาถรรย์

รวมตำนานอาถรรพ์มหาวิทยาลัยทั่วฟ้าเมืองไทย


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-ตึกอักษรเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ
-สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ)

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
-เคยมีนิสิตซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต (คงจะจริง มานขับยังกะสนามแข่ง)
-ที่วิทยาเขตศรีราชาตรงประตู 1 มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนดึกๆห้ามขับรถไปตรงนั้น เพราะมีรุ่นพี่จามาเอาวิญญาณไปอีก 4 ดวง (แต่เค้าเอาเฉพาะคนหน้าตาดีน่ะ)
-ที่วิทยาเขตศรีราชาห้องน้ำที่ตึก EnG ไม่มีกระจก เพราะว่า มีคนเห็นสิ่งลึกลับบ่อยมาก จนต้องเอากระจกออก
-ที่วิทยาเขตศรีราชา หอในตึก 3-4 xxxนมาก เคยมีคนเห้นบ่อยๆ เพราะเปนป่าช้าเก่า
-ที่วิทยาเขตศรีราชา หลวงพ่อเคยมาทำพิธีปัดรังควานที่มอ แต่ท่านบอกว่าที่นี่แรงเกินไป
-ที่วิทยาเขตศรีราชา สักตอน ประมาณตี 2 ให้ออกมาดู ถ้าอยากเห็น.... คนอ้วก
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาขี่มอไซด์เข้า-ออกนอกม.ตอนกลางคืน พยายามอย่ามองตรงต้นนนทรีข้างทางมากนะ ถ้าไม่อยากเห็นใครก็ไม่รู้มากวักมือเรียก ได้ข่าวมาว่านนทรีแทบทุกต้นมีประวัติ
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน ใต้ตึกปฐพี เคยเจอนิสิตเป็นกลุ่มเลยมาซ้อมลีด แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เจอแล้ว แล้วตกลงที่เห็นก็ไม่รู้ว่าใคร(ประสบการณ์ตรง)
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาซ้อมstuffเชียร์ของคณะช่วงซัมเมอร์ ให้ระวังจะมีใครก็ไม่รู้มานั่งฟังด้วย
-ที่หอใน(หญิง) มีหอๆนึงเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำอยู่ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยซักคน
-หอใน(หญิง) มีตึกใหญ่ 2 ตึก ตึกนึงชั้น 2 เคยมีเด็กตายเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนก่อนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ เคยมีคนเห็นว่าหลังจากนั้นยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
-หอใน (หญิง) อีกตึกนึง แต่ก่อนกระจกเดิมตรงบันไดทางขึ้น(ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว) จะมีเงาคนวูบวาบเสมอๆ บางครั้งยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้าหน้าห้อง เงยหน้าขึ้นมาก็มีผีทหารยืนอยู่ข้างหลัง.....

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-"ม.เชียงใหม่" เป็นมหาวิทยาลัยเชิงเขา (แล้วมันเรื่องลึกลับยังไงนี่)
-ถ้าขับรถผ่านตึกคณะวิดยาตอนดึกๆ เค้าบอกให้มองขึ้นไปบนตึกจะเจอของดี
-ลิฟต์ตึก SCB 1 คณะวิทยาศาสตร์ "ม.เชียงใหม่" จริงๆ ต้องมีสามตัว แต่มีใช้แค่สอง ลือกันว่า ลิฟต์ตัวที่สามเคยมีคนตกลงมาตาย(ตอนตึกใกล้เสร็จ)
-หอ 1 หญิง "ม.เชียงใหม่" ในห้องอาบน้ำบางทีก็มีน้ำสีแดงๆ ไหลออกมาจากฝักบัว (คาดว่ามันน่าจะเป็นน้ำสนิมของแท็งค์น้ำมากกว่า)
-หอสมุดกลาง ของ "ม.เชียงใหม่" ว่ากันว่า ตอนก่อสร้าง เมื่อทำส่วนฐานรากอาคารขุดพบโครงกระดูกเยอะมากๆ
-เคยมีหมีควายหลุดออกมาจากสวนสัตว์วัดฝายหิน จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้คนที่พักผ่อนอยู่รอบอ่างเกษตรต้องรีบออกไปทันที
-หอนาฬิกา มช. ถ้าขับรถเวียนซ้ายครบ 3 รอบ จะ....................................โดนรถชน
-ทุกวงเวียนใน มช. มีเรื่องผีกำกับไว้เสมอ เช่น เปรตหอนาฬิกา ขบวนแห่ไร้หัววงเวียนมนุษย์
-ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทย์ มีลิฟต์ที่ถูกปิดตายเพราะเคยมีอาจารย์ฝรั่งติดอยู่ในนั้นในวันหยุดยาว
-ที่ภาควิชาชีวะ คณะวิทย์ เคยต้องทำบุญใหญ่ เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น เก้าอี้แล็บหมุนเอง หรือมีเสียงคนเดินบนบันไดตอนเที่ยงคืน มีเงาคนเดินไปมาในเรือนเพาะจำใต้ตึก จนตอนนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ทำงานที่ภาคหลังพระอาทิตย์ตก บางคนว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ทดลองมากมายที่ต้องใช้เรียนกัน
-ตำนานผีในคลาสสิคที่สุดของ มช. คือ ป๊อก ป๊อก ครืด
-ผีที่เด็กมช.น่าจะเคยได้ยินบ่อยที่สุดคือ ผีป๊อกครืด (แม้จะจำเรื่องราวได้หรือไม่ได้ก็ตาม)
-หอ 2 ชาย กลางวันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บรรยากาศตอนกลางคืนที่หอนั้น เป็นอะไรที่หลอนจริงๆ
-หลังจากมีเหตุฆาตกรรมบริเวณข้างประตูหน้า ม. ที่หอ 40 ปี เคยมีคนได้ยินเสียงประหลาดในตอนกลางคืน
-หากเดินผ่านอ่างแก้วตอนกลางคืน อาจเห็นตามพุ่มไม้มีขางอกออกมา เรียกกันว่าต้นไม้กินคน
-ท่านที่สนใจอาจหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ผี มช.

มหาวิทยาลัยขอนแก่น
-"สะพานขาว" เป็นสะพานยาวๆ ข้างสระพลาสติก มีเจ้าที่ชื่อ "เจ๊ขาว" เป็นผู้หญิงผมยาวๆ ใส่ชุดสีขาว เจ๊แกชอบออกมาทักทายเด็กที่ ขับมอไซด์ ผ่านสะพานตอนดึกๆ
-เค้าเล่ากันว่า อย่ามองจั่วของตึกคณะ ถาปัด ขณะขับรถ เพราะมันจะเกิดอุบัติเหตุ
-ที่ศาลเจ้าพ่อมอดินแดง ไปกลางวันก้หลอนนะ รุ้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลา
-แล้วก็เซียมซี แม่นมากๆ ถามตอนต้นเทอมว่าเกรดเทอมนี้จะเป้นไง ท่านกล่าวว่าจะได้ เอฟ .....เอฟจริงๆ แม่นปานนั้น

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-ม.ธรรมศาสตร์ ต้องมีนักศึกษากระโดดตึกเป็นประจำ ทุกปี (ไม่รู้เป็นอะไร...)

มหาวิทยาลัยศิลปากร
-หอห้า มีผีจริงๆ

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
-ตึก 10 ว่ากันว่ามีคนงานตกลงมาตายตอนก่อสร้าง ตอนดึกๆ พอขึ้นลิฟไปชั้นบน ตอนเดินออกมาจากลิฟจะพบว่าตึกกำลังก่อสร้างอยู่
-ตึก 7 ชั้น 7 พอออกจากลิฟมาจะเจอพรมแดงปูตามทางเดิน ไม่แน่จริงอย่าเดินไปทางนั้น
-ตึก 1 2 3 ยามกลางคืนว่ากันว่ามีผู้หญิงแต่งชุดนักศึกษานั่งร้องไห้อยู่บนระเบียงทางเดิน
-สวนญี่ปุ่น มีปลาคาร์ฟยักษ์ หาดูได้ยากยิ่งเป็นปลาคาร์ฟสีขาวตัวใหญ่มากกก หยั่งกะปลาสวาย นานๆจะโผ่ลมาให้เห็นที แต่คุณจะไม่มีโอกาสเห็นมันเลยเวลาที่เขาล้างบ่อ มันหายไปไหน !!
-จากประสบการ์ณ์ตรง เคยอยุ่ทำกิจกรรมถึงเที่ยงคืน ขณะเดินออกมาจากม. ไม่พบสิ่งผิดปกติ - -"
-กรณีเล่นคอมพิวเตอร์ที่ห้องLabชั้น 2 ของหอประชุม เคยมีอยู่วันหนึ่งเกิดไฟดับวูบจนเกือบทุกเครื่องดับไป ยกเว้นเครื่องหนึ่งที่เล่นต่อไปได้ ทั้งๆที่ไำฟฟ้าไม่ไหลผ่านสายนั้นและไม่ได้มีการสำรองไฟ แม้ว่ามันไม่ใช่ผีก็ตาม (เชื่อม่ะ คอมพิวเตอร์ที่เล่นได้โดยไม่มีไฟฟ้าสำรอง และไฟดับทั้งอาคารด้วย)

มหาวิทยาลัยมหิดล
-ถ้าคุณเพิ่งเข้าพักในหอในครั้งแรก พึงระวัง ชั้น4จะกลายเป็นชั้น3

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
-หอ(ใน)ชาย ปิดตายชั้นแปด เนื่องด้วย..
-ชั้นหก หอหญิง จะมีห้องไม่ีมีเลขไว้ให้...

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
-ลิฟท์อาคาร 9 ที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ใครที่ขึ้นตอนดึกๆแล้วมีคนกดเรียกที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แล้วรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟท์ลงมาตาย เค้าจะลงด้วย (ตัวไหนไม่รู้ พิสูจน์กันเองนะ)
-ที่อาคาร 10 กล้วยน้ำไท มีห้องเรียนอยู่ห้องหนึ่ง บางครั้งจะมีนศ.ไม่ได้รับเชิญแต่งชุดดำมานั่งเรียนด้วย พอหันไปมองอีกทีปรากฏว่าไม่มีใคร!!
-มีเรื่องเล่าเรื่องศาลพระภูมิล่องหนที่หอแกรนด์ หอพักหน้ามหาวิทยาลัยว่า นักศึกษาหลายคนเคยเห็นศาลพระภูมิตั้งอยู่ แต่ในความเป็นจริง มันไม่มี
-เอทีเอ็มหน้ามหาวิทยาลัยหายไปใหนหมด ใครรู้บ้าง??

มหาวิทยาลัยรามคำแหง (เจ๊มี๋จบจากมหา´ลัยนี้ค่ะแต่..ทำไมเรื่องมันน้อยจังหว่า??)
-ที่ราม1และราม2 มีจระเข้เผือกอยู่ในสระน้ำ แต่ตัวเล็กนิดเดียว สังเกตุเอานะมันอาบแดดอยู่ข้างสระแหละ
-บางคนเรียนจนจบก็ยังหาซุ้มจังหวัดตัวเองไม่เจอก็มี (มันไปแอบอยู่ไหนว่ะ...นั่นอ่ะดิ!!)

มหาวิทยาลัยบูรพา
-ตึก SD มีลิฟต์ตัวนึงมีผีด้วย คือลิฟท์จะเปิดเอง แล้วถ้าลิฟท์เปิดเอง ให้หลีกทางให้เขาเข้ามาด้วย แต่ถ้าขี้เกียจให้บอกว่า "เต็มแล้ว รอไปเที่ยวหน้านะคะ" จะได้ผลพอๆกัน
-หอ3 (หอชาย) ห้อง 306 พี่หอบอกว่ามีคนผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า ห้องนั้นมีผีจริงๆนะ
-หอ14 (หอหญิง) ห้อง 303 เคยมีคนเล่นผีถ้วยแก้วแล้วโดนผีสิง
-ตึก B100 (ตอนนี้คือตึกพาณิชยนาวี ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยการขนส่งและโลจิสติกส์) เป็นที่เลื่องลือว่ามีผี
-ตึกมนุษย์ฯมีสาวสไบเขียว แต่ตึกสาธารณสุข มีสาวกิโมโนสีขาว
-ที่ไหนสักแห่งนึงในม.บู เคยเป็นที่ฝังศพทหารที่ตายในสงคราม..
-หอ 14(หรือเปล่า) ที่เป็นห้องพักของดาราสาวคนนึงที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ปัจจุบันนี้ห้องนั้นยังถูกปิดตาย แต่ยังมีคนได้ยินเสียงคนอยู่ภายในห้อง

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
-เหมือนกับทุกมหา´ลัย โดยเฉพาะหอหญิงจะมีเรื่องเล่าและตำนานที่ไม่รู้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยไหน อย่างเรื่อง "ผีอำ" หอหญิงจะมีบ่อยมาก แต่ถ้าเป็น "ผีอม" สามารถหาฟังได้จากฝั่งหอชาย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเรื่อง ความสัมพันธ์ของผีกับการเมียไทย
-หอหญิงที่xxxนๆ ในระดับตำนาน เช่น S2 เรื่องผีชุดไทยโบราณ, ชุดตะเบงมาน วิ่งทะลุ 3 ห้อง ว่ากันว่าต้องนิมนต์หลวงพ่อคูณมาเหยียบถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอีก หรือจะเป็นผีเด็กที่ S4 ที่ว่าอาบน้ำอยู่ดีๆ แล้วมีเด็กมาเล่นน้ำด้วย ซึ่งความจริงแล้วสามารถพบเด็กผีได้เยอะบริเวณหอชาย (เด็กหงส์, เด็กปืน ก็มีพอๆ กัน) ส่วนผีเด็กนั้น หอชายก็น่าจะมีเยอะกว่าอยู่ดี เพราะดูจากอัตราการติดไวรัส *.dat, *.avi, *.mpeg สูงมากๆ
-หอหญิงที่เป็นข่าวดังที่สุดคือ S15 โซนต้นโพธิ์ จากการที่เด็กนักเรียน รด. มาพักแล้วพากันเล่นพิเรนบริเวณต้นโพธิ์ และเกิดอาการคลุ้มคลั่งไปตามๆ กัน ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่า เป็นความบกพร่องทางประสาทชนิดติดต่อ เนื่องจากการฝึกหนักในช่วงกลางวัน
-ลานจอดรถยนต์เก่าและป่าละเมาะ ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) ว่ากันว่าเป็นบริเวณที่นิยมนำคนมานั่งยาง และเป็นแดนประหารเก่า ว่ากันว่า รปภ.กะดึกเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เีสียงดังเกรียวกราว ดึกๆ ขับรถผ่านแถวนั้น ขนชอบลุกโดยไม่มีสาเหตุ ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องเล่าที่ฝังหัวหรือเปล่า
-สวนหย่อม ป่าไผ่สีทอง ข้างๆ ฟาร์มมหา´ลัย ที่นี่ "เขา" ชอบหยอกล้อคนขับรถคนเดียว โดยรถคันอื่นจะเห็นว่า เรามีเพื่อนซ้อนมาข้างหลังด้วย โอ้วววว
-บริเวณลานย่าโม และต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางไปอาคาร A (อาคารบริหาร) กับอาคาร C (อาคารวิชาการ) ซึ่งต้องทำถนนอ้อมต้นไม้ต้นนั้น เป็นถนนจุดเดียวในมหา´ลัย ที่ต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง จุดอื่นพี่แกฟันxxxนไม่เหลือ
-สุรนิทัศน์ หรือ แอมฟิเธียเตอร์ สถาปัตยกรรมที่มีเส้นลวดขึงเป็นองค์ประกอบ เรื่องเล่าที่จุดนี้คือจะเห็นสิ่งซึ่งคล้ายคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนเส้นลวด
-สรุปแล้วทั้งมหา´ลัย เพราะพื้นที่ 7200 ไร่นั้น ในอดีตเป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ ว่ากันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ฆาตกรรมที่ขึ้นชื่อของโคราช อีกทั้งยังเป็นทางรบสมัยท้าวสุรนารีอีกด้วย จึงทำให้มีเรื่องเล่ามากเป็นพิเศษ
-บริเวณน่ากลัวทุกๆ จุดข้างบน จะมีรปภ. ไปตรวจอยู่เสมอ และมักรายงานกลับไปยังหน่วยว่า "เหตุการณ์สงบ พบหนึ่งคู่ (หรือมากกว่า)"
Share:

10 อันดับคดีฆ่าตกรรมที่สยองที่สุดในโลก

อันดับ 10 แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ชำแหละพิสดารจากนรก
แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นชื่อของชายคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่ชาวอังกฤษและชาวโลกรู้จักกันดี ทำไมน่ะหรือ ? ชายคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วน มันเริ่มฆ่าหญิงโสเภณีในย่านสลัมของย่านลอนดอน ตั้งแต่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1888

ซึ่งผ่านมากว่าร้อยปีแล้ว

ทำไมถึงได้ดัง ทั้งที่ฆาตกรโหดเหี้ยมที่โดดเด่นและฆ่าเหยื่อมากกว่าเขา มีมากกว่าร้อยกว่าคน

คำตอบที่น่าจะกล่าวได้คือ ชายผู้นี้ยังไม่เคยโดนจับได้เลยตั้งแต่เขาก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนในลอนดอนมา ทั้งยังการฆ่าที่โหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเหยื่อโดยการผ่าท้อง และลากเอาไส้มาขวัญไว้ที่เสาไฟฟ้า การแขวนศพเหยื่อไว้บนกำแพง ฯลฯ และที่สำคัญไม่มีข่าวรายงานเลยว่ามีคนที่เคยเห็นหน้าแจ๊คด้วยซ้ำไป กระทั่งผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่แจ๊คลงมือยังแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติเลย โดยเหยื่อนั้นเสียชีวิตจากการถูกของมีคมแทงหรือไม่ก็ชำแหละ คมมากจนถึงขนาดตัดกระดูกออกมาได้

จนกระทั้งแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ หยุดการกระทำหฤโหด ทิ้งปริศนาไว้ตลอดกาลว่าเขาคือใครกันแน่


อันดับ 9 คดีฆาตกรรมในคิงส์เบอรี

คดีนี้เกิดขึ้นในคลีแลนด์ รัฐโฮไอโอ อเมริกา ค.ศ.1930-40 เรื่องของเรื่องคือมีการพบศพมนุษย์ศพแล้วศพเล่า กว่า 13 ศพ ในเขตลำน้ำคิงส์เบอรี รัน ทุกรายล้วนถูกฆาตกรรมโดยตัดหัว ตัดแขน แต่ละศพถูกทำความสะอาดด้วยล่ะครับ ทุกรายไม่สามารถระบุชื่อได้ ยกเว้นรายที่3 และ 4 เท่านั้น และเป็นคดีดังแห่งประวัติศาสตร์ที่ดำมืดทุกวันนี้ว่าใครคือฆาตกร? และฆ่าคนมากมายเพื่ออะไร?



อันดับ 8 เดอะ แบล็ค ดาห์เลีย ศพสยองข้างทาง

เกิดขึ้นวันที่ 15 มกราคม 1947 เป็นคดีการตายของ อลิซเบธ ชอร์ค หญิงโรคจิต ที่ตายสยอดสยองเช่นกัน ศพเธอถูกพบที่สวนสาธารณะตอนเช้าตรู่ เป็นเป้าสายตาคนด้วยล่ะ ร่างกายของเธอถูกหั่นเป็นสองท่อน หลังจากชันสูตรก็พบว่าในกระเพาะมีอุจจาระ ที่ทวารหนักมีเศษเนื้อและเศษหญ้าที่ฆาตกรหั่นตอนเธอมีชีวิตและยัดตรงช่องทวารเลยเชียวล่ะ

ถึงแม้ในเวลาต่อมาฆาตกรจะส่งห่อของขวัญที่มีของใช้ผู้ตายไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อความกำกับบอกด้วยน่ะว่าตนเป็นคนฆ่า แต่ตำรวจก็ไม่สามารถสืบได้อยู่ดีว่าใครคือฆาตกร ทำไมถึงลงมือกับเหยื่อได้โหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ และปัจจุบันแฟ้มคดีนี้ก็ยังอยู่ในแผนกฆาตกรรมของตำรวจนครลอสแอนเจลีส อเมริกา จนถึงปัจจุบัน


อันดับ 7 The Boston Strangler นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน
ช่วงปี 1960 ที่อเมริกา ได้มีฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีฆ่ารัดคอผู้หญิงในบอสตัน ฆ่าไปมากครับ ไม่เว้นว่าสาวหรือแก่ ผิวขาวหรือดำ ต่อมา ชายชื่อ อัลเบิร์ต เดอ ซัลโวผู้ซึ่งถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาเล็กๆ กลับสารภาพว่า ตนคือฆาตกร !
เขาสารภาพว่าทำเองครับ ฆ่าหญิงเหล่านั้น เขาให้การว่าทำการฆ่าข่มขืน กระทำชำเราหญิงอย่างไรบ้าง มันก็น่าจะลงตัวที่เขาทำ หากแต่ ... จากคำให้การแล้ว มีหลายอย่างที่ไม่ได้ตรงกับความจริง เช่น เขาให้การว่าข่มขืนหญิงรายหนึ่ง มีการทำจนเสร็จกามกิจ ... แต่จากร่องรอย ศพของหญิงคนนั้นไม่มีคราบอสุจิใดๆ ทั้งสิ้น
มันยังไงกันแน่ ... มีบางคนกล่าวว่า ที่อัลเบิร์ต เดอ ซัลโวให้การนั้นเขากำลังจะบอกว่าใครคือฆาตกรต่างหาก เขาอาจจะโดนบังคับให้สารภาพจากฆาตกรตัวจริง และแม้หากเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่อาจทราบ เพราะ 4 ปี หลังจากสารภาพ ... เขาถูกแทงตายในคุก
และความจริงก็ตายไปกับเขาด้วย


อันดับ 6 คดีฆาตกรรมมาริลีน เชพเพิร์ด
ใครเคยดูหนังเรื่อง The Fugitive น่าจะร้องอ๋อครับ เพราะรูปแบบของเรื่องราวนั้นเหมือนในหนังไม่มีผิด นายแพทย์หนุ่มที่ชื่อว่า แซม เชพเพิร์ด ถูกหาว่าสังหารภรรยาของเขา มารีลิน และถูกตัดสินจำคุกก่อนที่จะตายไปโดยที่ตราบาปนั้นยังคงอยู่ แซมให้การว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในบ้าน และเขาถูกมันทำร้ายจนหมดสติไป พอตื่นมาอีกทีก็พบภรรยาของตนเองเสียชีวิตไปแล้ว
ต่อมาลูกของเขาได้พยายามพิสูจน์ความจริง และรวบรวมหลักฐาน พวกรอยนิ้วมือเก่าเก็บและหลักฐานบางอย่างที่สมัยก่อนยังไม่สามารถตรวจสอบได้ มาตรวจสอบในปี 2000 ก็พบว่า ... ในวันนั้น นอกจากแซม และ มาริลีนแล้ว ... ยังมีบุคคลอื่นอยู่ที่นั่นด้วย .... แล้วเขาเป็นใคร ?


อันดับ 5 The Tylenol Poisonings ยาพิษปริศนา
ยาเม็ดแก้ปวดไทลินอล ทุกคนน่าจะรู้จักนะครับ ใช้กันบ่อยนี่หน่า ... ลองจินตนาการดู ... หากมีคนบ้าคนนึง เอายาพิษไซยาไนต์ (ยาพิษร้ายแรงที่เมื่อออกฤทธิ์แล้ว มีแต่ตายเท่านั้น!) ใส่ลงไปในยาเม็ดเหล่านั้น แล้วก็บรรจุมันลงกล่องตามปกติ จากนั้นก็วางแผงขาย แล้วก็มีคนซื้อไปกิน ... เขาจะเป็นอย่างไร
ทีนี้เลิกจินตนาการครับว่ามันเป็นเรื่องจริงดีกว่า!
ในอดีตนั้นยาไทลินอลมันยังเป็นแคปซูลนะครับ ไม่ได้เป็นเม็ดอย่างทุกวันนี้ แล้วก็เกิดมีใครบางคนเอาไซยาไนต์ใส่ลงไปในแต่ละแคปซูลแล้วก็แพ็คขายตามปกติ ใครกินก็มีแต่ตายกับตาย ซึ่งก็มีคนมากมายตายไปเพราะไทลินอลสอดไส้ไซยาไนต์นี้เอง
มันเริ่มเกิดขึ้นปี 1982 ที่อเมริกา จู่ ๆ มีหลายรายกินยาชนิดเข้าแล้วก็ตาย เหตุเกิดหลายรัฐมากครับและมันเป็นการฆ่าแบบสุ่มครับ ไม่มีเป้าหมาย คิดดู สิ่งที่ฆาตกรทำก็คือนั่งลงดูทีวีและรอว่าเมื่อไหร่ข่าวที่เป็นผลงานตนจึงจะออกมา และแน่นอนว่าผู้ตายย่อมไม่มีความแค้นกับมัน(เพราะมันสุ่มฆ่าอยู่แล้ว)


อันดับ 4 Jonbenet Ramsey Murder สังหารโหดนางงามเด็ก

วันที่ 25 ธันวาคม ปี 1996 วันคริสต์มาสสำหรับหลายๆ คน แต่มันคือวันสุดท้ายในชีวิตของเด็กน้อยอายุไม่ถึง 8 ขวบ นาม Jonbenet Ramsey เช้าวันนั้นแม่ของเธอแจ้งความว่าเธอได้รับโน้ต เนื้อความคือ Jonbenet ลูกสาวของเธอถูกลักพาตัวไป ... การดำเนินหาตัวเธอก็เริ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีใครพบ จนตำรวจลองให้พ่อแม่ของเธอค้นในบ้านอีกครั้ง ... อันนำมาสู่ปริศนาอันน่าสะพรึง
Jonbenetถูกพบเป็นศพ.ที่ใต้ถุนบ้านของเธอเอง!
เธอถูกรัดคอและทุบกระโหลก เธอเสียชีวิต ... แต่มันอะไรกัน เธอโดนลักพาตัว หายไปจากบ้าน มีการค้นแล้วนี่หน่า ... แต่หลักฐานต่อมาน่าฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือ โน้ตหรือจดหมายลักพาตัวนั้น ถูกเขียนโดยปากกาในบ้านนั้นเอง ... แต่ลายมือไม่ใช่ของคนในบ้าน จากการสืบสวน ไม่มีหลักฐานว่าคนในบ้านเเกี่ยวข้องกับการตายของเธอเลย ซึ่งนั่นก็ปี 1996 ซึ่งวิทยาการไม่ได้อ่อนด้อย การสืบสวนก็ทันสมัยแล้วแต่กลับไม่มีอะไรอธิบายเรื่องนี้ได้เลย
ผมสารภาพเลยครับว่าคดีนี้เล่นเอาผมขนลุกและน้ำตาซึมไปพร้อมๆ กัน ขนลุกก็เพราะปริศนาสารพัดอย่างที่บอกนั่นแหละ แต่ที่น้ำตาซึมก็เพราะ ผมได้เห็นรูปเธอด้วย เธอเป็นเด็กผมทองที่น่ารักมาก สดใสมากคนนึง ขอบอกว่าผมไม่ได้คิดในแง่อกุศลใดๆ ครับ เธอสดใสยิ่งกว่าเด็กคนอื่นที่ผมเคยเห็นมาจริงๆและพอรู้ชะตากรรมแบบนี้มันเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
และ ... คุณก็ทราบดี ... คดีนี้ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ เช่นกัน

ถึงแม้จะมีการจับนาย มาร์คา และเขาจะสารภาพแล้วก็ตาม แต่เหมือรชะตาเล่นตลก เพราะผลพิสูจน์ ดีเอ็นเอจากศพ ผลปรากฏว่า มันไม่ใช้ของเขา ศาลจึงไม่สั่งฟ้องนายมาร์ค

คดีนี้จึงเป็นคดีปริศนาอีกครั้งหนึ่ง


อันดับ 3 The Phantom Killer ฆาตกรล่อนหน
คดีนี้เป็นฆาตกรรมสะเทือนขวัญอันหนึ่งครับ 1946 ในอเมริกาเช่นกัน คือมีฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีฆ่าคนนั้นแหละ เหยื่อโดนทั้งมีดทั้งปืนเมื่อฆ่าเสร็จแล้วก็หายไปเลยยังกับเป็นควัน แน่นอนก็ยังไม่มีใครจับได้ เพราะฉายาของเขาก็คือ Phantom


อันดับ 2 The Green River Killer ฆาตกรลับสมอง
คดีนี้เกิดแถบซีแอ้ตเติล 1982 ครับ เมื่อมีฆาตกรต่อเนื่องฉายา ฆาตกรแห่งกรีนริเวอร์ ได้ฆ่าคนตายไปกว่า 50 ศพ แต่ละศพก็ทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้เหมือนจะท้าทาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถสาวถึงตัวฆาตกรได้ และที่น่าสะพรึงอย่างมากก็คือ ว่ากันว่า ทุกวันนี้ ยังมีการฆาตกรรมที่มีรูปแบบคล้ายกับ ฆาตกรแห่งกรีนริเวอร์ ปรากฎอยู่บ่อยครั้ง มันเป็นฝีมือของพวกเลียนแบบ .... หรือเป็นฆาตกรแห่งกรีนริเวอร์ตัวจริงกันแน่ ?



อันดับ 1 The Zodiac Killer ฆาตกรจักรราศี
นี่คือสุดยอดฆาตกรโรคจิต ฆาตกรที่เหล่าผู้ค้นคว้าศึกษาเรื่องคดีฆาตกรรมทั้งหลายต่างรู้จักกันดี"ฆาตกรจักรราศี" !
วันหนึ่งในปี 1968 แถบซานฟรานซิสโก มีวัยรุ่นหนุ่มสาวกำลังพรอดรักกันในรถ จากนั้นก็มีใครบางคนเดินเข้ามา ชักปืนและยังทั้งคู่ดับอนาถเลือดสาดไปทั่วบริเวณนั้น ... เปิดมาเหมือนกับตอนหนึ่งของหนัง ศุกร์ 13 ใช่มั้ยครับ หากแต่มันเป็นเรื่องจริง และมันก็ทำอีกในปี 1969 เช่นเคยวัยรุ่นหนุ่มสาวถูกฆ่าแต่ผู้ชายรอดมาได้และให้การว่าฆาตกรมีผิวขาว!
ฉายาจักรราศีของมันมาได้อย่างไรหลายคนอาจสงสัย...และนี่คือคำตอบ
หลังจากมันก่อ 2 คดีโหดแล้ว มันได้ส่งจดหมายไปหาตำรวจ และภายในแทนที่จะเป็นภาษาอังกฤษ มันกลับเป็น สัญลักษณ์จักรราศี จากความที่ถอดได้คือ "ฉันชอบฆ่าคน มันสนุกดีมากๆ"แต่สัญลักษณ์17ตัวสุดท้ายของจดหมายกลับไม่มีใครถอดออก
และการฆ่าครั้งต่อมาก็สยองขวัญถึงขีดสุด เมื่อมันลงมือด้วยการสวมฮู้ด (เหมือนเอาผ้าดำคลุมหัวน่ะครับ) ใส่ชุดที่มีสัญลักษณ์จักรราศี มันลงมือแทงวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกลางวันแสกๆ แบบไม่ยั้ง!ต่อมาคนขับแท๊กซี่ก็เป็นอีกรายที่ตกเป็นเหยื่อของฆาตกรรายนี้
ฆาตกรรายนี้นับว่าสั่นประสาทชาวอเมริกันอย่างสูง และถ้าสังเกตก็จะพบว่ามันชอบฆ่าวัยรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งคงจะมองออกแล้วนะครับว่าพวกหนังไล่ฆ่าแนวศุกร์ 13 นั้น ได้แรงบันดาลไจมาจากอะไรและคงพอจะเข้าใจแล้วนะครับว่าทำไมวัยรุ่นอเมริกันจึงค่อนข้างกลัวหนังประเภทนี้ ในขณะที่บ้านเราเห็นว่าเป็นหนังตลกไร้สาระ...ก็บ้านเขามีคนตายแบบนี้จริงๆนี่หน่า
ว่ากันว่าสัญลักษณ์ 17 ตัวสุดท้ายของจดหมายนั้น ... คือ ชื่อของเขา ... แต่ก็ไม่มีใครถอดได้
และเขายังคงลอยนวล ตราบจนทุกวันนี้
Share: