วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ควายธนู-สัตว์อาคม


"วิชาหุ่นพยนต์"

ควายธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง

ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี
"เลี้ยงควายธนู"

ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ เชื่อว่าสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านหรือไร่นา ใช้งานได้ตามความประสงค์ ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย และสามารถสั่งให้ไปสังหารคู่อริได้อีกด้วย มีคาถาใช้เสกเมื่อทำควายธนูว่า โอมปู่เจ้าสมิงไพร ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควาย เชิญพระอีศวรมาเป็นตาซ้าย เชิญพระอาทิตย์มาเป็นตาขวา เชิญพระนารายณ์มาเป็นเขา เชิญพระอินทร์เจ้าเข้ามาเป็นหาง เชิญพระพุทธคีเนตร์ พระพุทธคีนายมาเป็นสีข้างทั้งสอง เชิญพระจัตตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นสี่เท้า เชิญฝูงผีทั้งหลายเข้ามาเป็นไส้พุง นะมะสะตีติ

ความเชื่อเรื่องควายธนูมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย บางท้องถิ่นเชื่อว่าผู้เลี้ยงต้องดูแลอย่างดีหมั่นให้อาหารและปล่อยออกไปท่องเที่ยว จะประมาทหลงลืมไม่ได้ ไม่เช่นนั้นควายธนูจะหวนมาทำร้ายเจ้าของเสียเอง แต่บางแห่งก็ถือเป็นเสมือนเครื่องรางธรรมดาสำหรับใช้พกพาติดตัว
วัวธนู คือ ของอาถรรพ์ที่ปั้นขึ้นเป็นรูป 'วัว' ที่มีคำว่า 'ธนู' พ่วงมาเพราะ เมื่อผู้มีวิชาปล่อยวัวอาถรรพ์นี้ออกไปทำร้ายผู้อื่น หุ่นวัวจะพุ่งไปในอากาศ ในขณะนั้นสภาพของหุ่นวัวธนูจะย่นย่อลงเป็น 'ปรมาณู' วิ่งตรงไปยังเป้าหมาย

ผู้มีอาคมนิยมมีไว้ใช้เป็นทหารผี หรือเฝ้าบ้าน แต่ละสำนักจะให้คาถากำกับมาแล้ว

การเซ่นไหว้: จำเป็นต้องเซ่นไหว้ เพราะมีวิญญาณสิ่งสู่อยู่ หากไม่ไหว้ จะทำให้หุ่นไม่มีเรี่ยวแรงอิทธิฤทธิ์ และหากเป็นหุ่นผี เจ้าของอาจโดนเล่นงานถึงตายได้
. . . .
การเซ่นไหว้วัวธนู ท่านให้หาหญ้าคาเจ็ดก้านหรือ 7 ใบ แต่ละใบต้องทำการขมวดปลาย

ขณะขมวดปลายนั้นให้กลั้นหายใจด้วย แล้วท่องพระคาถาอุปคุตมัดมารสั้น ๆ ว่า
'อิมัง อังคะพันธะนัง อธิฏฐามิ'

ปมของทุกก้านให้เสกด้วยคาถานี้ทั้ง 7 ใบ

ถวายพร้อมน้ำเปล่า น้ำเปล่านี้เมื่อลามาแล้ว อย่าทิ้ง ใช้ประพรมหน้าร้านขายของดีนัก หากป่วยไข้ขอมาดื่มกินจะหายเช่นกัน

การบูชาวัวพุทธคุณ [ขอให้เฉพาะวัวพุทธคุณ ส่วนวัวผีไปหาจากทางสำนักที่คุณนำมาเองนะ]

จุดเทียน 1 คู่ [2 เล่ม] ธูป 4 ดอก แล้วว่า 'พระคาถาโองการวัวธนู 7 จบ + คาถาวัวธนู 4 จบ' ในวันแรกที่นำเข้าบ้าน และทุกวันพระใหญ่ คือ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ

หากต้องการเพิ่มความขลัง ควรบูชาเพิ่มในวันเสาร์และอังคาร จะทำให้วัวมีฤทธิ์มาก เพราะเป็นวันแข็ง สำหรับการบูชาใน 2 วันนี้ไม่ต้องสวดคาถาโองการวัวธนู สวดแค่คาถาวัวธนูอย่างเดียว

ควายธนูอิทธิฤทธิ์ สร้างจากดินอาถรรพ์ต่างๆผสมด้วยครั่งพุทรา ท่านกดพิมพ์ด้วยตัวท่านเองทุกตัว ในระหว่างกดท่านก็จะบริกรรมคาถาอาการ 32 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 ทุกตัวแล้วจึงนำไปตากแดดให้แห้งดีแล้ว จึงนำมาลงยันต์หัวใจควายธนูที่ด้านหลัง ขณะลงก็จะบริกรรมคาถากำกับไปด้วยจนสำเร็จป็นตัวทุกตัว จากนั้นก็จะนำมาปลุกเสกเพิ่มฤทธิ์ให้ควายธนูมีฤทธิ์เหนือฝูงผีทั้งปวง สามารถแสดงฤทธิ์ได้เหมือนมีตัวตนอยู่จริง

ควายธนูของอาจารย์โอม เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ลูกศิษย์ว่าเป็นของจริง มีตัวตนจริง ทั้งไล่ขวิดขโมยที่เข้ามาขโมยของในร้ายค้า เซ็นเซอร์สัญญานกันขโมยฟ้องว่ามีการเคลื่อนไหวในรถทั้งที่ไม่มีอะไรอยู่ในรถพอปิดสัญญานแล้วบอกให้ควายแสดงฤทธิให้ดูใหม่สัญญานกันขโมยก็ดังขึ้นอีก เรื่องประสบการณ์มีมากมายพูดกันไม่รู้จบ ท่านสร้างจำนวนน้อยมาก ที่ด้านหลังจารด้วยหัวใจควายทุกองค์ มีคาถาและวิธีเลี้ยงให้ด้วย ของจริงเข้มขลังจริงต้องมีไว้บูชาครับ
วัวธนู หรือควายธนูนั้นมีการสร้างขึ้นมาในหลายรูปแบบด้วยกัน แล้วแต่ความสะดวก หรือว่าวัสดุที่ใช้ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสามชนิด
ดังต่อไปนี้

วัวทองแดง เป็นวัวธนูชั้นสุดยอด เพราะมีความทนทาน อีกทั้งยังสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่เต็มไปด้วยอาถรรพณ์ ไม่ว่าจะเป็นตะปูจาก
โลงศพ เหล็กขนัน ผีตายท้องกลม งั่ง ทองแดงเถื่อน ดีบุก ทองขวาน้า เงินปากผี ทองยอดนพศูนย์ สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาหล่อ
เข้าด้วยกันเป็นรูปโคหรือรูปกระทิงโทนที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ฝีมือช่าง จากนั้นก็นำมาลงอักขระยันต์

วัวขี้ผึ้ง เป็นวัวธนูชั้นรองลงมา สร้างขึ้นจากขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายท้องกลม ผสมด้วยผมผีพราย ผมผีตายลอยน้ำ ตานกกด
ตาชะมด ตาแร้ง กำลังวัวเถลิง เมื่อได้มาก็เอาไปเผาไฟ ไปเคี่ยวให้ไหม้ บดเป็นผง ผสมเข้ากับขี้เถ้าจาก ๗ ป่าช้า แล้วคลุกกับขี้ผึ้ง
ปั้นเป็นรูปวัว หรือโคขึ้นมา เสกด้วยคาถา

วัวไม่ไผ่ เป็นวัวชั้นสาม ใช้ชั่วคราวเวลาฉุกเฉิน เวลาจะใช้ก็ให้ตัดไม้ไผ่ที่ขึ้นคร่อมทางมาทำ เวลาจะตัดออกจากต้นให้กลั้นใจท่อง
นะโมตัสสะ และฟันทีเดียวให้ขาดจากนั้น จากนั้นมาสานเป็นรูปหัววัว เสกด้วยคาถาเช่นกัน

สำหรับการสร้างวัวธนูหรือควายธนูนั้น ท่านมีฤกษ์ให้เลือกวันสร้างดังต่อไปนี้
วันมาฆะบูชาอันเป็นวันเพ็ญเดือนสาม ให้สร้างตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปจนถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้นห้าม ดอกไม้ที่จะใช้
ประกอบพิธีในวันนี้ ให้ใช้ดอกไม้ ๔ สี

วันวิสาขบูชา ให้เริ่มตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ที่พระอาทิตย์เยี่ยมฟ้าขึ้นมาไปจนถึงเที่ยงวันดอกไม้ที่ใ
ช้บูชาในการทำพิธีให้ใช้ดอกไม้ ๘ สี มารวมกัน

วันอาสาฬหบูชา ให้กำหนดเวลาเอาฤกษ์ตั้งแต่พระอาทิตย์อยู่เรี่ยต้นไม้ในยามบ่ายแก่ๆจวนจะลับฟ้า วันนี้ไม่ต้องตัดฤกษ์ เพราะถือว่า
เป็นวันดี ดอกไม้ที่ใช้ทำพิธีในวันนี้ ใช้ดอกไม้ ๓ สี บูชา

สำหรับวัสดุที่ใช้ประกอบในการสร้าง เพื่อที่จะให้ขลังยิ่งขึ้นนั้นท่านบอกว่าให้ใช้ครั่งที่เกาะบนกิ่งพุทรา ซึ่งชี้ปลายไปทางทิศตะวันออกเท่านั้นและในการนี้จะต้องใช้ถึง ๓ ต้นด้วยกันหรือมากกว่านั้นก็ยิ่งดี แต่ถ้ากิ่งพุทรากิ่งนั้นเป็นไม้ตายพราย ท่านว่าให้ใช้กิ่งเดียวก็ได้
จะเพิ่มอานุภาพของความขลังมากยิ่งขึ้น

โดยในการทำวัวธนู ควายธนูนั้นจะมีเวทย์มนต์คาถากำกับแตกต่างกันออกไป โดยในการสร้างนั้นจะมีคาถาเชิญเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ให้ามาสิงสถิตย์ซึ่งคาถนี้ เวลาจะใช้วัวให้ออกไปต่อสู้ก็ใช้เสกได้ด้วยเช่นกัน
คาถาเสกควายธนูนั้นท่าน บันทึกไว้ว่า
" โอมปู่เจ้าสมิงพราย ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควาย เชิญพระอิศวรมาเป็นตาซ้าย เชิญพระนารายณ์มาเป็นตาขวา เชิญพระอาทิตย์
มาเป็นเขา เชิญพระจันทร์มาเป็นหาง เชิญพระพุทธคีเนตร พระพุทธคีนาย มาเป็นสีข้างทั้งสอง เชิญพระจตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นขา
สี่เท้า เชิญฝูงผีทั้งหลายเข้ามาเป็นตับไตไส้พุง นะมะสะตีติ "

สำหรับคาถาที่ใช้เสกทำน้ำมนต์นั้น มีท่านผู้รู้หลายท่านได้เขียนเอาไว้ซึ่งพอจะค้นหาได้ดังต่อไปนี้
" โอมอุดเทตะยัง สะนหิ โอมวัวธนูลูกแม่เฒ่า รักษาเจ้าให้ดี ผีสางสะเด็ดหนี ขวักคว้าน โอมโคโน มหาโคโน โอมโคโส มหาโคโส
สันทะ สันทิ จันทิหิ โอมมหาหิริโอตัปปะ สัมปัณโณ นะภาเวนุ นุเวภานะ เวลภานะนุ ภานะนุเว นะภานุเว สัพปุริสา โลเก เทวะ ทำมาติ
วัดจะเร " สวดแบบนี้ ๗ ครั้งด้วยกันยามที่ทำน้ำมนต์ ในขณะเดียวกัน ถ้าหากจะปล่อยวัวธนูให้เฝ้าบ้าน ท่านว่าให้เสกด้วยคาถา
ต่อไปนี้ ๗ คาบเช่นกัน

" นะภาเวนะ นะภาเวนุ เวทาสากุ กุสาทาเว ทายัสสะ ตะทะสา ทิกุกุ ทิสาสา กุตะกุ ภูตะพุ โคสวาหะ โสถาทิเต โหตุเต ชัยยะมังคลานิ
นุเวภานะ นุเวภานะ เวภานะนุ เวภานะนุ ภานะนุเว ภานะนุเว นะนุเวภา นะนุเวภา นะภาเวนุ นะภาเวนุ "

ขณะที่เสกคาถานี้ ให้เอาน้ำรดบนหลังวัวธนู แล้วใช้ภาชนะรองน้ำมนต์ที่หลั่งลงไป เอาน้ำนั้นไปรดรอบๆบ้านที่จะให้วัวธนูเฝ้า เท่านั้นก็
เป็นการกำหนดเขตให้วัวธนู หรือควายธนูได้สำแดงอานุภาพแล้ว

สำหรับเรื่องวัวธนู หรือควายธนูนี้มีพระเกจิอาจารย์หลายๆท่านในยุคโบราณกว่า เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้วได้สร้างขึ้นมา
พอที่จะหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทองท่านก็สร้างวัวธนูเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบัน วัวธนู ควายธนูเหล่านี้นับได้ว่า
เป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากเต็มที
Share:

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:41

    สุดยอดมากๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:43

    น่าสนใจ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:45

    เเรงเราอยากเช่ามาสักหนึ่ง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:46

    นี่มันสมัยโลกแต่แล้วน้อง

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:46

    ซินามิ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 05:52

    ของเขาดี

    ตอบลบ