วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

สัมภาษณ์พิเศษ “แม่ชีทศพร ชัยประคอง” 1

ผู้มีตาทิพย์ สามารถหยั่งรู้กรรมเก่า
ด้วยความดังของ แม่ชีธนพร หรือแม่ชีทศพร (ชื่อที่เปลี่ยนใหม่) ชัยประคอง จากหนังสือเกิดแต่กรรมที่พิมพ์เป็นครั้งที่ 13 ภายในเวลาไม่กี่เดือน โดยบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดทำ หลังจากที่แม่ชีเป็นวิทยากรรับเชิญรายการมิติพิศวง ทางช่อง 7 จนโด่งดังจากคุณลักษณะพิเศษในการดูกรรมในอดีตชาติของแต่ละคน

หลังจากนั้นจึงเกิดกระแสกลัวกรรม กระแสหนึ่ง กับกลุ่มที่ต้องการจะท้าพิสูจน์กรรม อีกกระแสหนึ่งในเว็บไซต์มากมาย ประกอบกับ VCD ชุดเปิดบันทึกแม่ชีทศพร ชัยประคอง กับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปหาแม่ชีโดยตรงที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เพื่อให้แม่ชีดูกรรมในอดีตเพื่อแก้กรรมในปัจจุบัน จนหน้ากุฏิแม่ชีเนืองแน่นทุกวัน และโอกาสที่จะพบแม่ชีโดยตรงก็ยากมาก นอกจากไปปฏิบัติธรรม 2 วัน 1 คืนในช่วงเสาร์-อาทิตย์ จึงจะได้พบกับแม่ชี และมีโอกาสที่แม่ชีจะเปิดกรรมให้แต่ละคน ซึ่งก็แล้วแต่แม่ชีเห็นว่าใครสมควรได้รับการช่วยเหลือก่อน-หลัง ตามกรรมหนัก-เบาของแต่ละคน

ในแต่ละสัปดาห์จึงมีผู้มานุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมราว 600-700 คน เพื่อรอการเปิดกรรมจากแม่ชีในวันอาทิตย์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะบริจาคกันเอง แล้วแต่ว่าจะบริจาคเพื่อการใด อาทิ สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ช่วยค่าอาหารผู้ปฏิบัติธรรม ช่วยในเรื่องค่าซักผ้าผู้ปฏิบัติธรรม ฯลฯ ซึ่งจะมีกล่องรับบริจาคเรียงรายอยู่ด้านหน้ากุฏิของแม่ชี ซึ่งอยู่ด้านข้างของโบสถ์วัดพิชยญาติการามฯ

แม่ชีทศพร เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปรีชา ธนวฑฺฒโก วัดเขาอิติสุคโต ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มากว่า 20 ปี ซึ่งหลวงพ่อปรีชาสามารถแยกกายทิพย์ได้ และเน้นสอนธรรมะเรื่องกตัญญูรู้คุณต่อบุพการีเป็นสำคัญ

หลวงพ่อปรีชาสอนให้แม่ชีนั่งสมาธิ โดยหยิบยกคุณธรรมของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาสอนแก่แม่ชีเพื่อให้ญาณของแม่ชีพัฒนา ช่วงแรกที่แม่ชีนั่งสมาธิ แม่ชีมองเห็นความทุกข์ เห็นกรรมของตัวเองในชีวิตที่ได้กระทำต่อพ่อแม่ไว้ ทำให้ชีวิตของแม่ชีทางโลกล้มเหลวมาโดยตลอด นับจากการใช้ชีวิตกับสามีคนแรกที่เป็นนักมวยตั้งแต่อายุ 14 ปี ก็ประสบปัญหา เพราะยังเด็กเกินไป และตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เวลาคลอดลูกคนแรกต้องนำมาเป็นลูกของพ่อแม่

หลังจากนั้น ชีวิตของแม่ชีทางโลกก็พลิกผันมาตลอด ล้มเหลวในธุรกิจและชีวิตครอบครัวกับสามีคนต่อๆ มา มีเหตุที่ให้แม่ชีต้องเป็นเมียน้อย พบกับความโหดร้ายของสามีที่กระทำต่อพ่อของแม่ชี มาถึงสามีคนสุดท้าย แม่ชีเล่าไว้ใน VCD เปิดบันทึกฯ ตอนที่แม่ชีป่วยหนักว่า สามีคนนี้เอาน้ำเย็นมาสาดแล้วบอกให้แม่ชีไปตายที่อื่น ครั้งนั้นแม่ชีคิดฆ่าสามีคนนี้ แต่ด้วยธรรมะจากหลวงพ่อปรีชานี่เองที่ทำให้ชีวิตแม่ชีพลิกผันมาปฏิบัติธรรมจนพัฒนาญาณหยั่งรู้อดีตชาติของผู้อื่น จนกระทั่งหลวงพ่อปรีชาสอนให้เทศน์สอนญาติโยมเป็นเวลา 1 ปี โดยหลวงพ่อให้คติธรรมไว้ว่า จงเป็นผู้ให้ และอย่าขอใคร

กระทั่ง พระธรรมโมลี (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม และเจ้าคณะภาค 1 ให้แม่ชีมาช่วยจัดคอร์สปฏิบัติธรรมเพื่อเรียกคนเข้าวัด แม่ชีจึงมาที่นี่ พร้อมๆ กับความดังที่ติดตามมาจากการเห็นของแม่ชีที่ผู้อื่นไม่อาจรับรู้ได้ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสนุกสนานในการค้นหาเหตุและผลแห่งกรรมในมิติต่างๆ ที่แม่ชีพรรณนา ดังบทเริ่มต้นที่นำมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน

“แม่ชื่อธนพรนะ ตอนแรกชื่อ มาลินี นามสกุล ชัยปกรณ์ ชื่อนี้พ่อแม่ตั้งให้ หลวงพ่อเฮง วัดเขาน้อยจังหวัดระยองบอกว่าอย่าชื่อนี้เลย เป็นกาลกิณี ให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ธนพร จนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 2547 ครูบาอาจารย์บอกว่าให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ทศพร เพราะอะไรหรือ แล้วหลวงพ่อก็บอกว่า ธ อยู่หน้า น หนูมันกัดธงเอ็งทะลุหมดแล้ว พอวันที่แม่ชีเปลี่ยนชื่อวันที่ 17 สิงหาคม วันที่ 19 แจ๋วริมจอ คอลัมนิสต์ในไทยรัฐ ก็ออกข่าวว่าแม่ชีอุตริหรือเปล่า”

แต่ตอนนั้นแม่ชีเปลี่ยนชื่อเป็นทศพรแล้ว แม่ชีเล่าต่อมาว่า

“แม่ชีรู้จริงๆ มองเห็นจริงๆ ไม่ได้อุตริ ที่นั่งพระแม่ชีก็ไม่กล้านั่ง อะไรของพระแม่ชีไม่กล้ายุ่ง ชีวิตมีความสุขกับการทำงาน แม่ชีเองไม่อยากรู้เรื่องอะไรในอดีตชาติของตัวเอง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”

“แม่ชีขออย่าพูดสิ่งใดที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แม่ชีกลัวว่าจะเบี่ยงเบนคำสอนของท่าน แม่ชีก็สอนแต่ว่า พ่อแม่มีคุณจริงนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีคุณจริงนะ สถานที่ต่างๆ อย่าไปเปรียบเทียบกันว่าวัดนี้ดีกว่าวัดนั้น ถ้าโยมเปรียบเทียบเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะมีหมอดูมาดูบ้านโยมบ้างว่า บ้านโยมฮวงจุ้ยไม่ดีต้องรื้อห้องนี้ออกไปทั้งห้อง เพราะโยมเคยไปเปรียบเทียบกัน โยมเคยเห็นคนใกล้ตายที่เขาฆ่าหมู ฆ่าวัว ฆ่าควายหรือเปล่า เขาร้องเหมือนหมู เหมือนวัว เหมือนควาย แล้วเราจะร้องอย่างนั้นหรือ ต้องรีบปฏิบัติเสียตอนนี้ เวลาเรานั่งปฏิบัติ มันจะมีเวทนาความเจ็บปวดออกทางกายเลย แล้วเราไม่ต้องไปเวทนาในอนาคต ชดใช้เสียก่อนตอนนี้ เวทนานี้ไม่ใช่เรานะ บางทีคุณยายมานั่งอยู่กับเรา นั่งแล้วมันโยก นั่งแล้วมันเอน ปวด เราต้องรับทั้งหมด นั่งแล้วเวทนาเกิดตรงไหน ให้แผ่เมตตาตรงนั้นเลย ดูทุกข์แล้วเห็นทุกข์จริง อธิษฐานแผ่เมตตาไปเลยว่าบุญที่เรามีอยู่ เวทนาที่เกิดขึ้นนี้ เป็นใครไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ จงได้กุศลของเราด้วย เราต้องฝึกไปเรื่อยๆ แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ เรื่องเมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน เรื่องวันนี้ต้องทำให้ดีที่สุด พรุ่งนี้จะมีหรือเปล่ายังไม่รู้ ให้โอกาส ให้อภัยตัวเองให้ได้”
มีหลักในการดูกรรมอย่างไรคะ ?

ดูจากสมาธิค่ะ พอโยมมีศีลพร้อมกัน ที่เชิญมาบวชก่อนดูกรรมเพราะว่าญาติพี่น้องบางคนที่เสียชีวิตไปแล้วเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะได้รับบุญจากการใส่บาตรได้ เขาจะอาศัยกายเรามาวัด ที่แม่ชีจัดการปฏิบัติธรรม เพราะแม่ชีเห็นอย่างนี้ แม่ชีไม่อยากให้เราประมาทกับชีวิต เพราะว่ามีปู่ย่าตายายที่เขาไม่สามารถไปเกิดได้ แล้วอาศัยกายโยมปฏิบัติ พอมาปฏิบัติแล้วแม่ชีจะเป็นไกด์ให้ เป็นสื่อกลางให้

• เป็นความงมงายหรือเปล่าคะ เขาจะมาอาศัยร่างกายเราปฏิบัติได้อย่างไร ?

มันไม่ใช่ความงมงาย เพราะว่าพอฝึกสมาธิระดับหนึ่งก็จะสามารถมีพลังจิตที่สามารถไปสัมผัสจิตอีกดวงหนึ่งได้ว่าคนนี้ชื่อนี้ นามสกุลนี้ เห็นวันนั้นไหม (วันนั้นคือวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 วันที่คลื่นสึนามิถล่มเอเชียใต้ ยามบ่ายแม่ชีดูกรรมให้กับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม)

• เห็นแม่ชีแก้กรรมด้วยวิธีแปลกๆ ปฏิบัติธรรมแล้วยังต้องแก้กรรมแปลกๆ ด้วยหรือคะ อย่างที่แม่ชีบอกให้บางคนเอาเหรียญบาทมัดละ100 บาท 5 มัดไปผูกกับผ้าขาวม้าที่เสาไฟฟ้าแล้วทำบุญให้ใครก็ได้มาเอาไป มีหลักอะไรในการแก้กรรม ?

การแก้กรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะทุกข์แต่ละคนไม่เหมือนกัน วันนั้นรู้สึกคนนี้จะเคยใช้ไฟแล้วไม่จ่ายตังค์ตามปกติ เอาลวดไปเกี่ยวใช้ไฟ วันนั้นคนนี้เขาชาไปทั้งตัวเหมือนไฟช็อต พอเราบอกเหตุความทุกข์เขาปุ๊บ ใจเขาคลาย บางคนไม่รู้เลยว่าคนนี้ผู้หญิงหรือผู้ชาย เดินเข้ามาไม่รู้เลยว่าเขาคือผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องถามเขา

• เป็นเพราะอะไรหรือคะที่เกิดมาเบี่ยงเบน ?

เพราะเคยไปเบี่ยงเบนความคิดของคนอื่น โยนโทษคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้มีความผิด ก็เลยทำให้เกิดมาเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่ใช่ เลยไม่รู้ว่าจะอยู่กับสังคมอย่างไร ทำงานกับใครเขาก็เข้ากับใครไม่ได้ อยู่ไปก็ไม่มีจุดยืน คนไม่มีจุดยืนในสังคมเยอะ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักพ่อแม่ ถึงขนาดทุบตีพ่อแม่ หรือพูดจาให้เขาเจ็บปวด ใจนี่ก็ถือว่าฆ่าเขาแล้วนะ ฆ่าเขาทางอารมณ์ แล้วคนก็มักจะพูดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี แสดงว่าทวงในสิ่งที่คิดว่าทำดี เวลาที่คุณทำดี จริงๆ แล้วคุณกำลังทำไม่ดีหรือเปล่า

อย่างเช่น เห็นแฟนของเพื่อนไปเดินกับผู้หญิงคนอื่น รีบโทรไปหาเพื่อนเลยว่าฉันเห็นแฟนเธอไปเดินกับใครไม่รู้ แค่นี้ก็สร้างกรรมแล้วนะ ทำให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวเขา เพราะโยมไม่รู้ว่าเขามีอะไรกันหรือเปล่า ชีวิตโยมจะยุ่งเหยิง

• เวลาแม่ชีดูกรรม แม่ชีมองเห็นวาระจิตเขา มองเห็นความคิดเขา หรือมองเห็นเป็นภาพ ?

เห็นที่ใจเขาเลยค่ะ คือจะชี้อย่างนี้ๆ เลยค่ะ แปลกไหมคะ

• ก็ยังรู้สึกแปลก เพราะยังไม่เคยประสบกับตัวเอง ช่วยอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์หน่อยค่ะ ?

เพราะตำแหน่งของสมาธิ และความรู้ที่เรียกว่าปัญญา มีทุกคน เหมือนกับเราเรียนหนังสือ อาจารย์สอนให้เราเอา ก ไก่ ผสมกับ สระอา เป็น ก กา สมาธิก็เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ใจของการปฏิบัติ

• การเริ่มต้นมาปฏิบัติต้องศีลบริสุทธิ์ จะเช็คศีลของตัวเองได้อย่างไร ?

ก็ไม่ถึงกับที่ว่าศีลต้องครบ แต่ก่อนที่โยมจะมาคือโยมมีบุญอยู่แล้ว บุญจากได้ช่วยเพื่อน บุญจากที่ได้ช่วยให้ใครเขามีความสุข บุญจากการทำงานของเรา ที่ให้มาอยู่วัด 2 วันเพราะญาติที่ล่วงลับไปแล้วไม่สามารถได้บุญจากการใส่บาตรของเราได้ เขาจะอาศัยกายเราปฏิบัติได้จริงๆ

• ผู้ล่วงลับไปสามารถอาศัยกายเราปฏิบัติธรรมได้ ?

สังเกตดูทำไมดวงจิตของเราซึมเศร้า เพราะอะไร เพราะเขามีดวงจิตดวงสุดท้ายที่ตายไปไม่เป็นสุข ตายไปจากความผิดหวัง หน้าตาเขาก็จะดูไม่แฮปปี้ ใครเห็นก็รู้สึกว่าหน้าตาเขาเศร้าใจจัง

• บางคนมองว่า ตายแล้วสูญ ถ้าแม่ชีอธิบายอย่างนี้แสดงว่าตายแล้วไม่สูญ ?

แม่ชีบอกไม่ได้ว่าตายแล้วไม่สูญ แต่แม่ชีเห็นการตายของคน ตายเพราะถูกรถชน แขนหักขาดไปเลย เห็นวิญญาณแขนก็ยังขาดอยู่ อาการของวิญญาณไม่มีแค่สังขาร แล้วพอมาเกิดใหม่ แม่ชีก็เห็นภูมิหลัง ถามว่า ตายแล้วสูญไหม เมื่อวานนี้มีไหม เมื่อวานมีก็เป็นอดีตไป วันนี้มีไหม วันนี้ก็เป็นปัจจุบัน พรุ่งนี้มีไหม พรุ่งนี้ก็เป็นอนาคต นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ แต่เมื่อวานเราทำอะไรไว้ จำได้หรือเปล่า

แม่ชีจะเจาะเอาเฉพาะเหตุว่า เหตุที่ทุกข์ของโยมเพราะอะไร ทำไมทำอะไรแล้วไม่ประสบความก้าวหน้าในชีวิต ทำไมมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต แล้วก็มีอุปสรรคในเรื่องของความรัก เวลารักใครแล้วต้องตีตัวออกห่างไป ทำไมจึงมีโรคภัยไข้เจ็บเยอะ

• เป็นกรรมจากในอดีตทั้งหมด ?

ทั้งอดีตและปัจจุบัน บางทีก็เป็นกรรมที่มาจากอดีตเยอะ กรรมจากพ่อแม่ อย่างพ่อแม่ที่ไม่พร้อมให้ลูกเกิด ตอนรักกันสองคนรักกันมาก แต่ไม่พร้อมให้ลูกเกิด พอตั้งท้องก็มีปัญหา ไม่อยากให้ลูกเกิด ความคิดที่ว่าไม่อยากให้ลูกเกิด พอลูกเกิดมาเป็นกรรม เป็นลูกเวรลูกกรรมกับเราอีก เพราะใจคิดว่าไม่อยากให้เขาเกิด พอเขาเกิดมาเขาปฏิเสธเราเอง เหมือนอย่างบางคนไม่ชอบพ่อไม่ชอบแม่นั่นแหละค่ะ เขารับรู้ได้ตั้งแต่ปฏิสนธิ

อัศจรรย์ทางจิตที่แม่ชีเห็นคือ คนใกล้ตายหูจะรั้งไปข้างหลัง จมูกจะรั้งขึ้นไป ถ่ายจะดำ นี่คือภาวะคนแก่ใกล้ตาย แล้วมาดูเด็กมาเกิดใหม่ หูรั้งไปข้างหลังบี้แบน จมูกรั้งขึ้นไปข้างบน แล้วก็อึดำเหมือนกัน นี่คือการเชื่อมต่อระหว่างการเกิดและการตาย

• แปลกใจว่าเวลาที่ดวงจิตหนึ่งดับ อีกดวงจิตหนึ่งกำลังจะเกิด เป็นจิตดวงเดียวกัน ไม่มีสภาวะอื่นๆ ที่ทำให้เกิด ?

จิตทั้งหมด 121 ดวง มีจิตที่เป็นกุศล 80 ดวง มีจิตที่เป็นทุกข์ 41 ดวง ไอ้ 41 ดวง ทุกข์เพราะการตายมากมาย ความทุกข์นี้จะมาอยู่ที่กายเราตอนเกิดใหม่

• ส่วนใหญ่เป็นความทุกข์ที่ทำให้เราเกิด ?

ใช่ ส่วนใหญ่เป็นความทุกข์ที่นำเราเกิดมา ความทุกข์ก็มีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ ตามองเห็นแล้วชอบใจเขาเรียกว่าเสพ หูได้ยินแล้วเพราะก็เสพ ได้กลิ่นหอมก็เสพ กินก็เสพ ข้างล่างฉี่ออกไปก็มาเสพข้างล่างอีก อะไรที่สร้างความทุกข์ที่สุด ก็สัมผัสทั้งหกนี่แหละ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่แหละ

• แล้วความทุกข์ที่มากับตัวเราจะมีวันหมดไปในชาตินี้ ?

เราก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้จิตดวงเดิมที่เคยวนเวียนในสังสารวัฏนี้ได้รับกุศลของเรา มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอนให้ปฏิบัติธรรม แล้วการปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่การถ่ายบาป เพราะบาปถ่ายไม่ได้ ทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับ ทำกรรมดีก็ได้รับกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ได้รับกรรมชั่ว

• การปฏิบัติธรรมโดยรูปธรรม ทำให้เกิดผลอะไร ?

คือการปฏิบัติธรรมจะทำให้เราเกิดความละอายและการเกรงกลัวต่อบาป ไม่ใช่ให้มาวัดนั่งสวดมนต์ทั้งวัน ไม่ใช่ แต่แม่ชีจัดโปรแกรมนี้ขึ้นมาเพราะแม่ชีเห็นทุกข์ของสังคม เห็นทุกข์ของครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่พูดกันไมได้ ลูกพูดกับพ่อไม่ได้ แม่พูดกับลูกไม่ได้ แม่ชีจึงอยากทำตรงนี้ เพราะกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คนที่เป็นพ่อแม่ก็เคยเถียงปู่ย่าตายายเอาไว้ พอมามีลูก ลูกก็มาเถียงเรา พอมันแรงเข้า มีการผลักกันของกรรมเกิดขึ้น มีการทุบตีพ่อแม่ อย่างนี้แม่ชีไม่อยากให้เกิดขึ้นในสังคมเรา แม่ชีเห็นเยอะมาก บางกรณีฟังแล้วอึ้งไปเลย

• แล้วนักการเมืองที่โกงกินบ้านเมืองจะเจอกรรมอะไร ?

ถ้าเขาโกงกินก็มีบาปเป็นเรื่องปกติ เพราะมีเจตนาในการโกง ถ้าแม่ชีมีอำนาจในแผ่นดิน แล้วแม่ชีทำผิดโดยที่รู้และตั้งใจก็จะรับกรรมหนัก แม่ชีก็จะไม่ได้บริหารประเทศได้นานหรอกค่ะ เพราะความทุจริตทั้งหลายจะบ่งบอกออกมา แต่ที่ใครพูดว่าคนนั้น คนนี้โกงบ้านโกงเมืองอย่างนี้ เราอย่าไปพูดตามเขา เพราะเราไม่เห็นเอง

• ถ้ามีเอกสารที่เห็นชัดเจนว่าเขาโกงอย่างนี้ๆ เราเผยแพร่ออกไปได้ไหม ?

ไม่ได้ค่ะ เพราะเราไม่ได้เห็นจริง แม้แต่เอกสารก็อาจจะเป็นเอกสารที่เป็นเท็จ แม่ชีรักประเทศไทย ถามว่าคนที่คอร์รัปชัน เราเห็นไหม เขากินบ้านกินเมือง เราเห็นตรงไหน เขาจะทำอะไรนั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปคิดแทนเขา การคุ้ยเขี่ยอะไรบางทีมันไม่ใช่เรื่องที่ดี การที่เราไปล่วงเกินเขา เราจะร่วง

ถ้าเขาคอร์รัปชันมันเป็นเรื่องของการก้าวไม่พ้นความโลภค่ะ แต่คนดีมีเยอะนะคะ คนที่ทำเพื่อแผ่นดินก็มีเยอะ เราอย่ามองนักการเมืองในแง่ไม่ดีไปซะหมด

• ก็ถ้านักการเมืองทำดี ก็สื่อออกมาดี ถ้าทำไม่ดี ก็ว่ากันไปตามนั้น ?

(หัวเราะ) ไม่รู้นะ แม่ชีถูกสอนให้อยู่กับความรับผิดชอบ แล้วก็มีคนโยนโทษให้แม่ชีตลอดว่าแม่ชีทำผิด แม่ชีทำไม่ถูกต้อง เพราะแม่ชีไม่กระจายอำนาจให้ใครเลย จะให้แม่ชีกระจายอำนาจได้อย่างไร ในเมื่อคนนี้รับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย คนนี้ให้โอกาสแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย แม่ชีเคยเป็นผู้บริหารระดับหนึ่ง ซึ่งละเอียดอ่อนพอสมควร พอให้โอกาสคนนี้แล้วทำไม่ได้ แล้วอีกคนหนึ่งมีเพาเวอร์ แม่ชีก็ให้เขาช่วยทำให้หน่อย

แล้วทุกคนก็รวมตัวกันไม่ชอบแม่ชีกันหมดเลย เพราะว่าแม่ชีเห็นแก่คนนี้คนเดียว แต่คนนี้เขาทำงานได้ แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ แม่ชีมองคนละมุม แม่ชีมองว่า คนที่เขาเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมือง จุดประสงค์คือเขาตั้งใจจริงๆ ก็มี

• แล้วเขามีกรรมไหมคะ ที่ต้องไปรับผิดชอบเรื่องบ้านเมือง ?

ทุกข์จะตาย แต่ละเรื่องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เราเป็นเขา เราก็ทำไม่ได้ แม่ชีเอาบุญให้เขาทุกวัน เขาต้องมารับผิดชอบประเทศ แม่ชีโนเนมเลยนะ อยู่ๆ แม่ชีมีคนรู้จักทั่วไป แม่ชีตั้งใจว่าที่สอนจะสอนให้คนรู้ธรรมะ แม่ชีไม่ได้ทำเพื่อลาภ-ยศ-สรรเสริญอะไร แม่ชีเป็นคุณหญิงก็ไม่ได้ เป็นได้แค่นี้ แม่ชีคิดว่าทำเพื่อสังคมมากกว่า นักการเมืองก็มีอุดมการณ์เหมือนกัน แต่เรื่องแต่ละอย่างที่มาจากงบประมาณแผ่นดิน ถ้าเราเป็นนักข่าว เราต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่งั้นเราต้องรับผิดชอบทั้งชีวิตเลยนะ

เป็นนักข่าว ขายข่าว ถ้าเขียนข่าวผิดความหมายไปคำหนึ่ง ความหมายของชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน อย่างให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ถ้าเขียนผิดต้องรับผิดชอบแม่ชีด้วย เพราะแม่ชีไม่มีเจตนาอื่น แม่ชีรักธรรมะจากพระพุทธเจ้า

• คนมักจะพูดกันว่า อดีตไม่สำคัญให้ทำปัจุบันให้ดีที่สุด แล้วทำไมคนจึงอยากรู้เรื่องภพชาติของเขา รู้อดีตไปเพื่ออะไร ?

เพราะคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากรู้เพราะอยากแก้ไข เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นซ้ำซาก เช่นบางคนมีคู่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่อยากอยู่กับใครเลย เขาก็อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น บางคนลงทุนอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย บางคนก็ฟุ่มเฟือยซะจนไม่รู้จักพ่อ ไม่รู้จักแม่ คือแต่ละคนมีพื้นฐานของกรรมไม่เหมือนกัน
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น