ผี คืออะไร สำหรับคำถามเช่นนี้ อาจมีคำตอบที่หลากหลายและในทัศนะ ของผู้เชี่ยวชาญด้าน จิตวิญญาณได้นิยาม ความหมายของผี ไว้อย่างน่าสนใจว่า ผีมิใช่สิ่งที่เราจะประสบพบได้เฉพาะ ในห้วงความคิดหรือเวลาเราป่วยไข้ไม่สบาย อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องนิยายที่ปั้นแต่งไว้หลอกหลอนโดยไม่มีเหตุผล แท้ที่จริงผีคือ การสำแดงร่างหรือส่งเสียงของผู้ที่ล่วงลับ ไปจากโลกมนุษย์ หากแต่ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ยังคงความรู้สึก และอาวรณ์ ผูกพันกับสภาพมนุษย์ที่ดิ้นรนอย่างรุนแรง จนไม่สามารถปรับตัวหรือรับรู้ความ เปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากการตายโดยกะทันหัน หรือการจบชีวิตด้วยความทุกข์ ทรมานแสนสาหัส และด้วย เหตุที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาวะอย่างฉับพลัน ทำให้เหล่าภูตผี ตกอยู่ในวัฏจักรแห่งความคิดที่ต้องย้ำทำ เหตุการณ์ ในช่วงวาระสุดท้าย วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะมีผู้มาช่วยเหลือให้หลุดพ้นและออกท่องต่อไป ตามครรลองที่ควร ซึ่งอาจเป็น นรก หรือสวรรค์ แล้วแต่กรรมที่ก่อมา
โปรเฟสเซอร์ฮันส์ โคลเซอร์ อดีตอาจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย นิวยอร์กได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่ทำการค้นคว้ามาแรมปี และบันทึก เป็นบทความถ่ายทอดให้ผู้ สนใจได้รับทราบ ข้อมูลท์ใช้ในการเขียน เรื่องราวต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นจริงและได้รับการบอกเล่าจากปากผู้ประสบเหตุการณ์ โดยตรง ซึ่งมีประจักษ์พยานที่สมเหตุสมผลมิใช่เป็นการกรุเรื่องแต่ประการใด สำหรับผู้ที่ไม่ยอมรับว่า ผีมีจริง ก็มักจะให้เหตุผลไปข้างๆ คูๆ ว่าเป็นเรื่อง ของภาพหลอน และหนำซ้ำยังอาจกล่าวหาหนักข้อไปถึงขั้นที่ว่า คนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับ เรื่องผีๆ มักจะเป็นคนป่วย หรือไม่ อีกทีก็เข้าขั้นจิตวิปลาส แต่สำหรับโปรเฟสเซอร์โฮลเซอร์แล้วเขาปักใจเชื่อมั่นในความ เร้นลับของโลกแห่งวิญญาณ และจากการที่ ได้มีโอกาสพบปะททนากับผู้ที่เคยพบเห็น ผีมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อยเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้มีความแปลกประหลาด แต่เป็นบุคคลธรรมดา อย่างเราๆ ท่านๆ ที่มีจิดสำนึกและความรับผิดชอบเยี่ยงคนปกติทุก ประการ
เรื่องราวที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐอเมริการิกา ไปรเฟสเซอร์ โฮลเซอร์ได้บันทึกไว้อย่างน่าสนใจว่า เมื่อเดินทางไปทำงานที่นิวยอร์กนั้น เธอมีอายุได้ 34 ปี และเพิ่งจะเคยไป เป็นครั้งแรก เธอตัดสินใจเลือก พักที่ โรงแรม วอชิงตัน ซึ่งเป็นโรงแรมสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ เพียงทันที ที่ก้าวย่างเข้าสู่ห้องพัก บนชั้นที่ 12 นั้น ไอรีนได้กลิ่นโชยกึกออกมาจากห้องนั้นราวกับว่าไม่เคยมีใครใช้บริการ มาก่อนแต่ความที่เธอเป็นคนแปลกหน้า จึงไม่กล้าพอ จะขอย้ายห้อง นึกในใจว่า จะทนอยู่ไปสัก 2-3 คืน แล้วจึงขอเปลี่ยนห้องใหม่ ซึ่งในตอนนั้นคงไม่มีใครว่าอะไร ไอรีนจึงเริ่มตรวจห้องอย่างละเอียด สัญชาติญาณลึกๆ บอกเธอได้ถึงความไม่ชอบ มาพากลเกี่ยวกับห้องนี้ เพียงแต่เธอยังมิอาจล่วงรู้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
คืนแรก ที่เธอเข้านอน นั้นเธอต้องสะดุ้ง ตื่นกลางดึก เมื่อได้ยินเสียงคล้ายใครบางคน กำลังเปิด หนังสือพิมพ์อ่าน ดังกรอบแกรบ อยู่ใกล้เหลือเกิน เมื่อไอรีนเปิดไฟสว่างโพล่งขึ้น ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เธอจึงดับไฟ และ เอนกายลงบนเตียง อีกครั้งนึกค่อนตัวเอง อยู่ในใจ ว่าคงจะเหนี่อยจากการเดินทางทำให้ประสาทหลอน ได้ยินเสียงอะไร ไปต่างๆ นานา แต่ยังนึกได้ไม่ทันเท่าไร ก็ได้ยินเสียง กรอบแกรบ คล้ายหน้าหนังสือพิมพ์ถูกพลิก เปิดกลับไปกลับมา สลับด้วยเสียงเดินลากเท้า จากข้างเตียงไปยังประตูห้อง ทีนี้ไอรีนถึง กับสะดุ้งโหยงเปิดไฟจ้าทั่วทั้งห้อง เสียงก็เงียบหายไป และ ในเวลาไม่นานนักเธอก็ผลอยหลับไป ด้วยความเหนื่อยอ่อน รุ่งเช้า ไอรีนใช้เวลาตรวจห้องอีกครั้ง สงสัยว่าอาจจะมีหนูมาคุ้ยเขี่ยทำเสียงประหลาดให้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร ให้ชวนสงสัยยกเว้นเพียงกลิ่นเหม็นอับที่ยังคงโชยอยู่อย่างไม่ขาดระยะ เธอจึงแจ้ง ให้ทางโรงแรมมาอบห้องทำความสะอาดแต่ก็ไม่มีใครมาจัดการให้ตามที่เธอต้องการ
ดังนั้นดลอดเวลา 3 อาทิตย์ ไอรีนจึงต้องนอนเปิดไฟสว่างทั้งคืนท่ามกลางเสียงประหลาดที่ยังคงรบกวนโสตประสาทของเธอ จนในที่สุด ไอรีน ไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป เธอประกาศกร้าวกับตัวเองว่า จะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งนั้น ให้รู้ดีกันไปข้างหนึ่ง ในคืนนั้น เธอพยายามข่มตามิให้หลับ หากแต่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงปิดไฟมืด รอคอยการมาปรากฎของเสียงประหลาดนั้น ทันใดนั้นเองเธอก็รูสึกเหมือนว่ามีมือใครบางคน พยายามจะใช้หมอนกดลงบนจมูก ของเธอไม่ให้หายใจ เธอดิ้นรนปัดป้องจนสุดฤทธิ์จนหมอนนั้นกระเด็นตกลง ไปที่พื้นห้อง แต่ไม่มีวันที่เธอจะยอมแพ้ง่ายๆ
วันรุ่ง ขึ้นขณะที่เธอเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งเธอรู้สึกเสียวแปลบ คล้ายถูกของมีคมแทงเข้าที่แเผ่นหลัง และในคืนนั้นเธอตื่นขึ้นมา ด้วยอาการตระหนกที่ร่างกายของเธอไม่สามารถ ขยับเขยื้อนได้ประหนึ่งถูกตรึงกับที่นอนเธอพยายามร้องตะโกนขอความชวยเหลือ แต่ก์ไม่เป็นผลยังดีที่โชคเข้าข้างเธอทำให้เธอ สามารถโทรไปแจ้ง เหตุการณ์กับเพื่อนชาย ซึ่งเมื่อเขามาถึงห้องพักของไอรีนนั้นก็พบว่าเธออยู่ในอาการช็อก สิ้นสติอยู่บนเตียงนั่นเอง ไอรีนตัดสินใจเดินทาง ไปพักผ่อน ที่ฟลอริด้า และหวนกลับมานิวยอร์คอีกครั้ง โดยเลือกพักที่ห้องอื่น ในโรงแรมเดิม และด้วยเหตุบังเอิญ เธอก็ได้พบกับเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ซึ่งรู้ข่าวว่า ไอรีได้เคยพักอยู่ที่ห้อง บนชั้น12 และพบเหตุการณ์เลวร้าย เธอจึงสบโอกาสเล่าความเป็นมาของห้องนั้นให้ฟังว่า
เคยมีคนตายในห้องนั้น มาแล้วถึง 2 ศพ โดยรายแรกมีผู้พบ ว่าสิ้นใจอยู่บนเก้าอี้โยก ปลายเตียง และรายต่อมาก็สิ้นใจในอ่างอาบน้ำ พอฟังมาถึง ตรงนี้ ไอรีนก็รู้สึกสยองขึ้นมา เมื่อวาดภาพตัวเองหากในคืนนั้นเธอปัดหมอนที่ถูกกดโดยมือลึกลับ ออกจากใบหน้า ไม่สำเร็จ เธอคงจะกลายเป็นศพ รายทื่ 3 สำหรับห้องพักห้องนั้นเป็นแน่ !!!!!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น