จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ "สุสานซานติก้าผับ" ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้
แม้ลางร้ายบอกเหตุจะมีหลายประการ แต่ข่าวลือที่พูดกันว่า ที่ดินบริเวณนี้เคยเป็น "กุโบร์เก่า" หรือ "สถานที่ฝังศพชาวมุสลิม" มาก่อนนั้น กลับไม่ใช่เรื่องจริง!! ตามที่ "ซินแส" ท่านหนึ่งออกมาเปิดเผยต่อสังคม
"สุธี ผลทวี" ทายาทของเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่รุ่นดั้งเดิม ออกมายืนยันว่า แม้ที่ดินแถวนี้จะเป็นชุมชนของพี่น้องมุสลิม แต่ที่ดินทั้งหมดนี้เป็นที่มีโฉนด ไม่ใช่ที่สาธารณะ จึงไม่มีทางเป็นกุโบร์เก่ามาก่อนได้
ถึงแม้จะไม่ใช่ที่กุโบร์เก่า แต่ทายาทของเจ้าของที่ดิน เล่าว่า เรื่องราวความเฮี้ยนบนที่ดินผืนนี้ มีการเล่าขานกันมาตลอด โดยเกิดขึ้นหลังจากขายที่ดินให้แก่แม่ทัพเรือที่เข้ามาอยู่เมื่อกว่า 40 ปีก่อน ต่อมาแม่ทัพเรือคนนี้ถูกภรรยาฆ่าตายภายในบ้าน หลังจากนั้น ชาวบ้านก็มักจะเห็นเงาคนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านร้าง จนต้องทำพิธีทางศาสนากันมาตลอด ต่อมาแม้จะมีความพยายามเข้ามาใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ และปล่อยรกร้างว่างเปล่ามานาน ก่อนจะมาเปิดเป็นสถานบันเทิง "ซานติก้าผับ" เมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว
"ที่ตรงนี้เป็นของคุณยายมาก่อน ซึ่งคุณยายขายต่อให้แม่ทัพเรือ ซึ่งท่านเป็นคนเจ้าชู้ ภรรยาจึงเกิดการหึงหวง ต่อมาแม่ทัพเรือคนนี้ถูกภรรยาฆ่าตายภายในบ้าน หลังจากนั้นชาวบ้านก็มักจะเห็นเงาของคนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านร้าง จนต้องมีการทำพิธีทางศาสนากันมาตลอด แม้กระทั่งซานติก้าก็เหมือนกัน ที่ดินตรงนี้แต่เดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ที่บอกว่าเป็นกุโบร์เก่านั้นไม่ใช่อย่างแน่นอน ที่ดินเดิมของซานติก้าเป็นของคนญี่ปุ่นมาก่อน แต่เจ้าของคนเดิมตายไป ลูกหลานก็เลยให้ซานติก้าเช่าที่ดินผืนดังกล่าว ซานติก้าก็ยังเชิญไปอ่านบทสวดให้ประจำ โดยส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องผีปีศาจ แต่ก็ไม่ลบหลู่ แม้ทางซานติก้าไม่ได้ทำพิธีพวกเราก็ทำให้อยู่ดี เพราะอยู่ใกล้กัน ต้องช่วยเหลือกัน" ทายาทเจ้าของที่ดินกล่าว
นอกจากเรื่องราวความอาถรรพณ์ของที่ดินตามความเชื่อแล้ว ลางร้ายบอกเหตุที่เกี่ยวกับการออกแบบภายในซานติก้าผับ ก็เป็นอีกความเห็นหนึ่งที่เจ้าของบ้านฝั่งตรงข้ามซานติก้าผับรายนี้บอกว่า การปรับโฉมใหม่ มีการตกแต่งภายในร้านด้วยไม้กางเขนขนาดใหญ่และทำเลียบแบบโลงศพ ซึ่งเขามองว่าไม่เหมาะสม เช่นเดียวกับป้ายประชาสัมพันธ์งานกู๊ดบาย และเคานท์ดาวน์ขนาดใหญ่ ที่ทางผับออกแบบให้ดีเจมีน้ำตาเป็นสายเลือดและนักร้องมีคราบน้ำตาเป็นสีดำ
"เห็นภาพที่ออกมาเห็นแล้วก็ตกใจ กลัวว่าจะเป็นการบ่งบอกถึงลางร้าย แต่ก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นขนาดนี้" สุธีกล่าวด้วยอาการสลด
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านแถวนี้หลายคนถึงกับนอนไม่หลับ พวกเขายอมรับว่า กลัวเจอผี บ้างก็ยังติดตากับภาพสลดใจที่เกิดขึ้น การแผ่เมตตา หรือแม้แต่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้สบายใจ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า เหตุร้ายครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะอุบัติเหตุและความประมาท มากกว่าจะเป็นเพราะเรื่องราวความอาถรรพณ์ แต่ถึงจะไม่เชื่อ ชาวบ้านละแวกนี้ก็ไม่เคยหลบหลู่ โดยตั้งใจว่าจะหมั่นทำบุญให้ผู้ตายอย่างสม่ำเสมอ และหากเป็นไปได้ ที่ดินผืนนี้ไม่อยากให้มีใครมาสร้างเป็นผับอีก
"เราก็อยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เขาก็ปฏิบัติกับเราดี เด็กในละแวกนี้ก็มีงานทำ ถึงเวลาที่ร้านของเขาครบรอบก็มีเลี้ยงละแบร์ตามศาสนา ช่วงงานวันเด็กก็มีแจกจักรยานทำอะไรให้ ช่วยเหลือกัน ที่จริงที่ดินตรงนี้เป็นของ ผบ.ทร.เก่า สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในความรู้สึกผมปล่อยวางนะ มีฝรั่งคนหนึ่งมาจากภูเก็ต ผมก็ถามว่าญาติเสียหรือเปล่า เขาก็บอกว่ามาสวดมนต์ให้ผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ เจ้าของเดิมตั้งใจทำเป็นคอนโด แต่ไม่ได้ทำ เพราะเจอพิษทางเศรษฐกิจ จริงๆ แล้วที่ดินตรงนี้ไม่ใช่ของซานติก้านะ แต่ทางซานติก้าเขาเช่าอยู่ ไม่ใช่ที่ของเขา" ฉลอม เพ็ชรหิน ชาวบ้านในพื้นที่ซานติก้าผับ ย้อนเรื่องราวในอดีต
ไม่ต่างไปจาก ภาณุภัทธ มีสถานทรัพย์ ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงซานติก้าผับ สะท้อนความเชื่อว่า ลางบอกเหตุก็ดูที่รูปดีเจภูมิ ที่มีเหมือนเลือดไหลออกจากตา แล้วพื้นหลังก็สีดำหมดเลย เห็นตั้งแต่แรกก็ว่าจะไปทักว่ามันไม่เป็นมงคลเลย ก็ไม่นึกว่าเรื่องมันจะขนาดนี้ เวลาเคานท์ดาวน์เขาก็จะจุดพลุลุกใหญ่ๆ จุดเรื่อยๆ เป็นระยะ ปกติวันที่ 31 มกราคม เขาจะเปิดถึง 6 โมงเช้า แต่ปีนี้เขาเลิกกิจการพอดี ก็เลยมีนักท่องเที่ยวแอบเอาไปจุดข้างในลูกหนึ่ง
"เขาว่าในร้านที่เพิ่งตกแต่งปรับโฉมใหม่ไม่นานนี้ ก็มีรูปเหมือนโลงศพ แล้วก็มีไม้กางเขนขนาดใหญ่อยู่อันหนึ่งข้างใน มันก็เป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะเจ้าของเองยังนึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วคนก็ไม่รู้ว่าทางด้านหลังก็มีประตูทางออกอีกทาง ก็เลยมากรูกันอยู่ที่ประตูทางเข้าด้านหน้าหมดเลย" ภาณุภัทธกล่าวในตอนท้าย
ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ "ซานติก้าผับ" ในค่ำคืนแห่งการฉลองเทศกาลปีใหม่ จะเป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นอาถรรพณ์ ทว่าความจริงคือ เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องสังเวยด้วย 61 ชีวิต และเจ็บกว่า 2 ร้อยคน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น