วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญ ประเทศไทย

ดถึง เรื่องวิญญาณย่อมมีทั้งคนที่เชื่อว่า "มีจริง" และ "ไม่เชื่อว่ามีจริง" นอกจากคนสองกลุ่มนี้ยังมีอีกสองกลุ่มคือ "เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง" และ"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีทัศนะ ต่อผีต่อวิญญาณในกลุ่มไหนก็ตาม หากขอให้ไปเดินเล่นคนเดียวในป่าช้าตอนเที่ยงคืน เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครเล่นด้วยเด็ดขาด. บุคคลทั่วไปเชื่อว่า สถานที่ซึ่งควรจะเป็นที่ชุมนุมผีชมรมวิญญาณ คือป่าช้าทั้งหลายนั่นเอง ดังนั้นป่าช้าจึงได้รับการยกย่อง ให้เป็นที่สยองขวัญระดับสุดยอด และดูเหมือนไม่เคยตกอันดับทุกยุคทุกสมัย สถานที่สยองขวัญนอกจากป่าช้าแล้ว ก็ยังมีที่อื่นอีกกระจายไปทั่วทุกๆจังหวัด สำหรับสถานที่ใดได้รับการย่อง ให้เป็นอาณาบริเวณสยองขวัญชวนขนหัวลุก จะต้องมีมาตรฐานประการสำคัญนั่นคือ จะต้องมีผี หรือ วิญญาณปรากฏซ้ำซาก มีประวัติน่าหวาดเสียวระทึกใจ และต้องมีพยานรู้เห็นหลายครั้งหลายหนเป็นที่น่าเชื่อถือได้ และ 10 อันดับนั้นก็คือ
ในซอยวัชรพล

เป็น หมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คน ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอน เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก

ในซอยวัชรพลเช่นกัน
เป็น บ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่ง และว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน



โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)
สถาน ที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง คือเครื่องปั๊มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอน จนต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั๊มลมมรณะก็ยังอยู่


วัดปราสาท จ.นนทบุรี
วัด ปราสาท จ.นนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปี ด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวี ชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืน หากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก


ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ

ใน ซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกา และเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรม มีวัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน ผู้ลงทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการ หากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที



รังสิต คลอง 13
จาก ถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่า มีผู้หญิงตายในกองไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงในบริเวณซากบ้านด้วย



ในซอยรอดอนันต์ 1 ถ.สุขาภิบาล1
เป็น บ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึง ห่างไกลจากบ้านอื่นๆ ในระแวกนั้นบริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยคุณยายเจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่า วิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่าผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียงเคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้านเมื่อมี เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน

ในซอยสายหยุด อู่รถเมลล์เก่า

ที่ นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสารประจำทางที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การ ไม่ได้ ซากรถเมลล์แต่ละคันมีประวัติคนตายโหงคารถ ในสภาพสยดสยองมาแล้ว และเป็นที่เล่าลือกันว่า อยู่ดีๆไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไปบางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ

วัดมหาบุศย์ พระโขนง

ที่ วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่ สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาคพระโขนง ที่รู้กันแพร่หลายเล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาละวาดหลอกหลอน จนชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ได้มานำวิญญาณแม่นาคไป พร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผีวนเวียนที่วัดมหาบุศย์ คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน

ในซอยรามคำแหง 32

ลึก เข้าไปในซอยรามคำแหง 32 ท่านจะพบบ้านทรงสเปนหลังหนึ่งรูปทรงสวยสง่าน่าอยู่ แต่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่อาศัยนานกว่า 20 ปีแล้ว ปล่อยให้ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ ที่บ้านมีสาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นานพอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิง ร้องให้ช่วยดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย ) เดินวนเวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เล่ากันว่าหลังจากนั้น มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป
Share:

ตั้งกระทู้ ผงะ!! พบศพลอยอืดในแทงค์น้ำโรงแรมมะกัน แขกไม่รู้ใช้น้ำกิน-อาบ

สื่อ มะกันเผยแพร่เรื่องราวอันน่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย พบแทงค์น้ำบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่ง  ย่านดาวน์ทาวน์  มีศพของหญิงสาวที่ลอยอืด เหม็นคละคลุ้ง
ทั้งนี้ แขกของโรงแรมได้แจ้งว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำ แขกบางรายพบว่ามีน้ำเป็นสีดำในช่วงแรก แต่ก็หายไป จน กระทั่งช่างไปตรวจสอบก็ถึงกับผงะ พบศพ นางสาวเอลิซ่า เลม นักศึกษาชาวแคนาดา วัย 21 ปี โดยที่ศพลอยอืดมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับคำให้การของบรรดาญาติๆที่ระบุว่าผู้ตายหายตัวไปเมื่อช่วงต้น เดือน และทางแขกของทางโรงแรมก็ไม่รู้เลยว่า น้ำที่ใช้กินใช้อาบนั้น เป็นน้ำจากแทงค์ที่มีศพอยู่

ทั้ง นี้ โรงแรมดังกล่าวไม่ได้ชี้แจงใดๆกับแขก สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างขนหัวลุก และขวัญผวา เนื่องจากที่ผ่านมาน้ำที่ใช้บริโภคเป็นน้ำศพ และพากันย้ายออกไปพักที่โรงแรมอื่นทันที
Share:

10 เรื่องเล่า ผี ในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

1.ที่มาของชื่อ "ศาลายา"
เชื่อ กันว่าชื่อ "ศาลายา" นี้มาจาก ในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้เกิดโรคระบาดหรือโรคห่าลง เด็ก ผู้ใหญ่ ฯลฯ ผู้คนมากมายนอนตายทับถมเป็นกองสูง
ศพที่ไม่ได้นำไปเผาก็ถูกทิ้งให้แร้ง จิกกินเป็นที่น่าสังเวช เช่นเดียวกับประตูผีที่ วัดสระเกศ บริเวณภูเขาทองในปัจจุบัน ทางการจึงตั้งศาลาแห่งหนึ่ง
ไว้เพื่อส่งมอบยาแก่ชาวบ้าน ต่อมาจึงเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "ศาลายา"


2.เพลงรักน้อง "เจ้านกน้อย ล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม..."
นั่น คือเนื้อเพลงรักน้องหรือเจ้านกน้อยอย่างที่ใครหลายๆคนพูดจนชินปาก เพลงอาถรรพ์ของชาวศาลายา มีเรื่องเล่ากันว่านักศึกษาพยาบาลคนหนึ่ง
ถูก ผู้เป็นพ่อแม่บังคับให้เรียนในสายที่ไม่เต็มใจ ด้วยความเสียใจกอปรกับคิดว่าไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว นักศึกษาพยาบาลคนนั้นจึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้า
ของหอพักและเขียนข้อความ สั้นๆนี้ไว้ จึงทิ้งร่างลงมาสู่พื้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพลงรักน้อง จึงเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกความระลึกถึงนักศึกษา
พยาบาลคนนั้น ชาวศาลายาจะถือกันว่า เพลงนี้ห้ามร้องในเวลากลางคืน และถ้าใครคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาแล้ว ต้องร้องต่อจนจบเพลง >มิฉะนั้น
จะ เท่ากับเป็นการเรียกนักศึกษาพยาบาลคนนั้นจากพื้นดินมาสู่เจ้าของเสียง ในบางครั้งก็ปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นน้องที่เข้าใหม่เห็นในลักษณะกระ
โดดลงจากดาดฟ้าหอพัก เมื่อนักศึกษาคนนั้นตั้งสติได้และเรียกให้คนมาช่วย พอไปถึงจุดเกิดเหตุกลับปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยใดๆอยู่เลย


3.SI วันมหิดล เตียงC
อีก หนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งกล่าวถึงนักศึกษา คณะแพทย์ศิริราช(ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆว่าSI)ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียน
หอ พักในวันนี้ของทุกๆปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆของความเฮี้ ยนสุดยอด
ใน วิทยาเขตศาลายา นักศึกษาแพทย์คนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัยอาจเป็น เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึง
ไม่รู้ตัวว่าได้เสียชีวิตไป เรียบร้อยแล้วห้องพักดังกล่าวที่นักศึกษาแพทย์คนนี้อาศัยอยู่กลายเป็นเรื่อง ถูกปิดตาย ทราบแต่เพียงว่า เตียงCของนัก
ศึกษาSIในคืนวันมหิดลเท่านั้น ที่จะพบเห็นเค้าได้ ถ้าอยากทราบว่าความเฮี้ยนนั้นจัดขนาดไหน? ก็ลองสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ไม่มีใครพูดถึง
เรื่องนี้ในคืนนี้ >ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่สนุกปากขนาดไหนก็ตาม


4.เชือกในห้องน้ำ
เรื่อง นี้เกิดขึ้นได้ไม่นานประมาณปีกว่าๆมีข่าวแพร่สะพัดตามหอพักว่า ช่วงปิดเทอมเดือนตุลา แม่บ้านคนหนึ่งได้ผูกคอตายในห้องน้ำชาย ห้องดังกล่าว
ได้ ถูกปิดตายไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่หอพักแก้ต่างเป็นพัลวันว่า "ห้องน้ำเสีย" นักศึกษาชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำนั้น มักได้ยินเสียงร้องไห้ระงมจาก
ประตู เจ้ากรรมเสมอๆ เมื่อมองผ่านจากหอตรงข้าม มีคนสังเกตว่าบริเวณขื่อมีเชือกผูกอยู่จริง แม่บ้านที่ทำความสะอาดประจำชั้นนั้นก็หายหน้าหายตา
ไป เจ้าหน้าที่หอก็ชี้แจงต่อข่าวลือน้ำขุ่นๆว่า>"เค้ากลับต่างจังหวัด" ในปัจจุบันห้องน้ำดังกล่าวได้เปิดใช้งานตามปกติแล้ว ถ้าเข้าไปแล้วเห็นแม่บ้าน
ผิวดำผมหยักศกยิ้มให้ ก็อย่าลืมยิ้มตอบหล่อนด้วย คุณคือผู้โชคดีแล้ว


5.ผีถ้วยแก้ว
ขอ ยกเรื่องเล็กๆให้ฟังพอหอมปากหอมคอละกัน ก็มีอยู่ว่า... นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เล่นผีถ้วยแก้วในบริเวณหอพัก ทีนี้เมื่อเล่นจบก็ถกเถียงกันว่า
ใครเป็นคนดันแก้ว เมื่อไม่มีข้อสรุป และด้วยความไม่เชื่อในเรื่องผีสางทั้งหมดก็เดินออกไปหน้า ม.เพื่อหาข้าวกิน เพื่อนต่างคณะที่นั่งรถแท็กซี่
เข้ามาได้สวนกับนักศึกษากลุ่มนั้นพอดี ภาพที่เห็นก็คือ ชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณศาลใกล้คณะอินเตอร์ และได้ยกมือชี้ ร้องไล่ให้
ผู้หญิงในกลุ่มออกไป แต่ทุกคนกลับไม่มีใครใส่ใจ เมื่อมาถึงหอนักศึกษาคนหนึ่งก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า "นี่ เมื่อกี๊เล่นผีถ้วยแก้ว มันบอกว่าเป็นผู้หญิง
ว่ะ อย่าให้กูจับได้นะว่าใครเป็นคนดัน" เพื่อนก็รีบเล่าเรื่องที่ชายแก่ไล่หญิงสาวในกลุ่มให้ฟัง ทุกคนก็ยืนยันว่ามีแต่ผู้ชายล้วนๆ ชายแก่คนดังกล่าว
อาจเป็นวิญญาณเจ้า ที่เจ้าทางที่รู้จักกันในนาม"พ่อปู่จันธูป"หรือ "เจ้าขุนทุ่ง" ส่วนผู้หญิงคนดังกล่าว >จะเป็นคนเดียวกับในถ้วยหรือเปล่า? โฮะๆ
คิดเอาเอง


6.เรือนไทย

เรือนไทยเป็นเรือนสีแดงสดตั้งอยู่ตรงข้ามตึกวิทย์เก่า เดินเข้ามาไม่ไกลก็จะพบได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสวยงามและอากาศเย็นสบาย ทำให้
เรือน ไทยกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม นักศึกษาหลายกลุ่มมานั่งติวหนังสือกันที่นี่ และบางกลุ่มก็ใช้เป็นที่พลอดรักกันอย่างน่าอิจฉา
เรื่องเล่าเกี่ยวกับ เรือนไทยมีมากมาย เพราะความคลุมเครือในที่มาของเรือนไทยโบราณหลังนี้ เมื่อ2ปีก่อน นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปอ่านหนังสือ
บริเวณเรือนไทย เวลาผ่านไปจนเริ่มเย็น ขณะนักศึกษาคนนั้นเก็บของเตรียมตัวกลับไปหอพักก็เหลือบไปเห็นเส้นสีดำๆคล้ายผมของใครบางคน
ปลิว ไสวอยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่า เส้นผมที่ว่านั่น...เป็นเส้นผมของผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณ และกำลังห้อยหัวลงมาจากเสาเรือน ปากยิ้ม
แสยะเห็นฟันดำขลับ นักศึกษาคนนั้นกรีดร้องและเป็นลมทันที>พี่ยามได้ยินเสียงจึงเข้าช่วย เหลือ-ทำการปฐมพยาบาล >รุ่นพี่เล่าต่อๆกันมาว่าเสา
ต้นหนึ่งในเรือน ไทยตกน้ำมันได้ >ถ้าคุณไม่เชื่อเกี่ยวกับ"ความแรง"ของที่นี่ >มีเรื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าที่เรือนไทยนี้อากาศเย็นสะท้านตลอด เวลา
ไม่ว่าจะฤดูอะไร และวันนั้นแดดจะแรงขนาดไหนก็ตาม:-)


7.หอชาย
เชื่อหรือไม่? ในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เป็นหอหญิงมาก่อน บางคนอยู่มาเป็นปีๆไม่เคยจะรู้ ไม่เคยจะใส่ใจกับความ
เป็น มาตรงนี้เลย หอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ10) ก็มีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตาย
ภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวน
มาก ที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพักเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆที่จะพบได้ก็คือ 1.บันไดหนีไฟ ใครที่ชอบเดิน
ทางนี้ บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชนหรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง2.ทางเชื่อมระหว่างหอ เมื่อมองจากระเบียง หรือด้านล่าง
ของหอ นี่คือสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน โถฉี่ในหอพักหญิงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี แต่อย่าหวังคำตอบจากเจ้าหน้าที่หอเกี่ยว
กับสาเหตุที่ย้ายมา เพราะต่อให้ตาย "...เค้าก็ไม่ตอบคุณหรอก"


8.คอนโดC ห้องxxxx
คอน โดบริเวณประตูสาม จะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษา แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโดCซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์ และประไว้ที่หน้าประตูอีก
หนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี
ประวัติ ของห้องนี้ก็มีอยู่ว่า ช่วงปิดเทอมเมื่อ4-5ปีก่อนมีเด็กอินเตอร์คนหนึ่งกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบ ศพมันก็อืด เน่า เฟะ เละจน
แทบจำไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงอยู่ปี2 น้อยใจแฟนก็เลยประชดด้วยการลาโลก พองานศพเสร็จ เพื่อนๆทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คน
ที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตกกลางคืนมักได้ยินเสียงเปิดก็อกในห้องน้ำบางครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆ ที่ไม่มีใคร แต่นั่น...ไม่ร้ายแรงเท่า
นักศึกษาบางคนที่กำลังนอนหลับ เหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาบวมปูดเหมือนศพ จับขาและกระชากลงจากเตียง เพื่อนที่เคยไปอาศัยอยู่ในห้อง
เจ้า ปัญหา การันตีความเฮี้ยนระดับห้าดาว!!! รูมเมทบางคนมองเห็นผู้หญิงเดินไปเดินมาในเวลากลางคืน และมักได้ยินเสียงร้องไห้ ปนโกรธแค้นที่
ถูกทอดทิ้ง หลายคนก็ถูกผีอำจนอยู่ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า-ข้าวของ >เปิดปิด เคลื่อนที่ได้เองอย่างน่าสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ฮอทสุดๆและเฮี้ยนสุดๆ
ในรั้วศาลายา


9.ตู้ผี
ฟัง ชื่อแล้วต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังผีเกาหลีเกรดบี แต่นี่คือเรื่องจริงของนักศึกษาดวงซวยสุดๆในคืนวันมหิดล เมื่อสองปีก่อน ช่วงสอบกลาง
ภาคตรงกับวันมหิดลพอดี >นักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ภายในห้องพัก กำลังจะไขกุญแจตู้เสื้อผ้าไปอาบน้ำ เครียดก็เครียด
อ่านก็ไม่ทัน ไหนจะไม่ค่อยรู้เรื่องอีก ความซวยก็เข้าเยือนต่อทันที ขณะเดียวกันเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากข้างใน คว้า
ท่อนแขนนักศึกษาโชคร้ายและพยายามดึงเข้าไปในตู้ เท่านั้นแหละ...เสียงกรี๊ดดังลั่นมาถึงหอชาย เพื่อนร่วมห้องได้ยินก็กระวีกระวาดมาดู เห็น
เจ้าหล่อนเป็นลมนอนฟุบอยู่ กับพื้นห้อง จึงโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่หอให้รับตัวไปโรงพยาบาลทันทีสอบถามจากเจ้า หน้าที่หอพักก็ตีหน้าซื่อ แก้ตัว
กับเหตุการณ์นี้ว่า "สงสัยเค้าจะเครียดมากไป" เป็นอันว่าเรื่องสยองในคืนวันมหิดลก็ยังเป็นปริศนาต่อไป ยาวไปหน่อย แต่อ่านแล้วขนลุกได้เลย
Share:

เสียงฝีเท้าใครเอ่ย

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใหม่ๆครับ เป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นวิทยาเขตแห่งแรกของประเทศและที่ตั้งเป็นที่เก่าแก่ เล่าลือกันว่าผีดุมาก มีเรื่องเล่าหลอกน้องใหม่อยู่สองสามเรื่องเกี่ยวกับเด็กนุ่งโจงกระเบนจะมา นั่งซ้อนท้ายจักรยานหากขี่ไปคนเดียวบ้าง เรื่องของ สาวสไบเขียวสไบแดงที่มาปรากฏตัวให้เห็นยามดึกบ้าง ฯลฯ

แต่เรื่องที่ผมเจอมานั้น ผมเองก็ไม่ แน่ใจเหมือนกันว่า เกี่ยวข้องกับตำนานบทไหนของที่นั่นบ้างหรือไม่ ตอนเข้าไปใหม่ๆต้องมีการรับน้อง ที่นั่นรับกันเป็นเดือนล่ะครับ ช่วงแรกที่ว้ากผู้ชายจะโดนก่อน สองสามสัปดาห์ วันสุดท้ายของการว้ากชาย ผมป่วยเป็นอีสุกอีใส รุ่นพี่เลยอนุญาตให้พักได้ ไม่ ต้องลงว้าก คือไข้มันขึ้นสูงก่อนที่เม็ดจะออกนะครับ(ใครเคยเป็นคงทราบ) และตามกำหนดนี่ ทางสโมสรนักศึกษาเค้ากำหนดว่าวันนั้นจะต้องเป็นวันสุดท้ายของการรับน้อง เดี่ยวได้แล้ว (และเริ่มรับน้องรวม คณะไหนจะเลิกก่อนก็ได้แต่ห้ามเกินวันนี้) และก็จำเพาะว่าทุกคณะจะ ต้องมาว้ากวันสุดท้ายวันนั้นพอดี(ตอนนั้นมี 5 คณะ)

ผมก็เลยนอนอยู่บนหอเกือบจะคนเดียว เพราะพวกปีหนึ่งไปโดนว้ากแล้วพวกรุ่นพี่ก็ไปว้ากน้องงัยครับ ห้องที่ผมพักนั้นเป็นหอพักรุ่นแรกๆของมหาวิทยาลัย มีห้าชั้นรวมดาดฟ้า และห้องที่ผมพักนั้น เป็นห้องที่อยู่สุดทางเดินชั้นสี่พอดี เป็นห้องที่กว้างกว่าห้องอื่นๆ ชั้นหนึ่งๆจะมีห้องเช่นนี้เพียงสี่ ห้องแต่ก็จะมีคนพักมากกว่าห้องธรรมดาเหมือนกัน ห้องผมพักกันห้าคน แต่มีเตียงเพียงสามหลัง ก็เลยต้องเอาเตียงทั้งหมดมาต่อกันถึงจะนอนกันพอ เข้ามุมห้องพอดี ด้านข้างจะเป็นกำแพง ส่วนอีกด้านหัวนอนจะเป้นหน้าต่าง วันนั้นผมก็ นอนอยู่ในห้อง

ประมาณสามทุ่มได้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงเค้ารับน้องกัน ใกล้ๆ ในห้องตอนนั้นมืดมาก เพราะผมนอนไปตั้งแต่เย็น ตามันเลยยังปรับไม่ได้ด้วย ก็เลยนอนอยู่ อย่างนั้น

ตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างข้างๆหู รู้สึกว่าเป็นเสียงที่ดังอยู่ในห้องนี่ แหละ ผมพยายามฟังอยู่สักครู่ก็ทราบว่าเป็นเสียงเดินลากเท้าดังแสกๆๆๆๆ มันดังมาจากทาง หน้าประตู ผมก็เริ่มขี้ขึ้นหัวแล้ว (ขอโทษนะครับที่ใช้คำนี้ แต่ตอนนั้นมันเป็นอย่างนี้จริงๆ) เพราะ โดนรุ่นพี่ขู่ไว้มาก อีกอย่างผมเป็นคนกลัวผีมากๆด้วย

เสียงฝีเท้านั้นเหมือนเดินตรงเข้ามาที่เตียง ผมเลยหลับตา บทสวดอะไรก็นึกไม่ออก นึกถึงพ่อ แม่อย่างเดียว สักพักเสียงเดินนั้นมันก็ผ่านมาข้างๆเตียง แล้วผ่านไปทางหัวนอน วกกลับมาอีก ด้านหนึ่งของเตียงแล้ววนมาที่ปลายเตียงอีกครั้ง เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณสี่ห้ารอบ

รุ่นพี่ของผม คนหนึ่งก็เปิดประตูห้อง เปิดไฟ เข้ามาเรียกผมลงไปกินข้าวกับเพื่อนก่อนจะเปิดใจ(กิจกรรมรับน้อง) ผมลุกพรวดเข้าไปหาแกเลยทันที แกยังบอกเลยว่า สงสัยผมหายป่วยแล้ว แต่พอพี่เค้า เห็นหน้าผมแกก็เลยรีบพาลงไปข้างล่าง ผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ๆเพื่อนๆฟัง เค้าว่าผมคงเพ้อเพราะ ไข้ไปเอง แต่พอเรากลับถึงห้องพักสิครับ เพื่อนๆถึงกับอึ้งไปเลย เรียกใครต่อใครมาดูกันใหญ่

เพราะที่ห้องผมนั้นเต็มไปด้วยรอยเท้าเปื้อนโคลนเต็มรอบเตียงไปหมด เป็นรอยเท้าที่ข้างขวาลง น้ำหนักเต็ม ส่วนข้างซ้ายนั้นลากตามมาเหมือนคนขาเสีย รอยนี้ยังเปื้อนเข้าไปถึงใต้เตียงด้วย เพื่อนๆก็เลยมานั่งคุยกันเรื่องนี้ ว่ามันอาจเป็นขโมยก็ได้ ผมก็แย้งว่าแล้วมันเดินไปใต้เตียงทำไม ถามเฉยๆครับ ทุกคนก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ มันเข้าไปเดินไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเตียงต่ำมาก นอกจากว่า คนๆนั้นจะเลื่อนเตียงออกจากข้างผนังเสียก่อน

หรือไม่ก็คือเค้าต้องสามารถเดินผ่านเตียงไปได้ เลย ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็เลยย้ายไปอยู่ห้องอื่นเลยครับ ขอโทษนะครับ อาจจะยาวไปหน่อย แต่ผมอยากให้เห็นภาพครับ

ที่มา ที่มา shockfmclub
Share:

ที่โรงแรม

ประมาณสามปีแล้ว ตอนนั้นฉันและพี่ที่ทำงานรวมกัน7คน ไปทำงานที่จ.ภูเก็ต และต้องไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ฉันนอนกับพี่ผู้หญิงอีกสองคน ส่วนผู้ชายก็นอนด้วยกันสามคนที่ห้องด้านขวา หัวหน้าอยู่ห้องด้านซ้าย การทำงานผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งคืนที่หนึ่งของการพักผ่อนผ่านพ้นไป พวกเราทั้งหมดไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่สีหน้าของพวกเขาดูหมองคล้ำ อ่อนเพลีย คล้ายคนอดนอน ฉันจึงเข้าใจว่าพวกเขาคงแอบไปเที่ยวกลางคืนกันเป็นแน่ จึงไม่ได้ถามไถ่อะไร และพวกเขาก็ไม่พูดอะไรด้วย จากนั้นพวกเราก็ไปทำงานกัน
จนกระทั่งใกล้จะเลิกงาน พวกผู้ชายเริ่มมีอาการไม่อยากกลับที่พัก ทั้งที่ดูง่วงหง่าวหาวนอนกันเป็นทิวแถวแท้ๆ ถามกันไปมาจนได้ความว่า พวกเขาเจอ "ผีเด็กมาเล่นด้วยทั้งคืน!!!" เมื่อเอาผ้าห่มคลุมโปง ผีเด็กก็ดึงผ้าห่มออกอยู่แบบนั้น และวิ่งไปมาภายในห้องอย่างสนุกสนาน (สนุกอยู่คนเดียว) ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในอาการหวาดผวา แต่ก็มีคนกล้ากว่าเพื่อน พูดออกมาว่าไม่เล่น จะนอนแล้ว เท่านั้นแหละผีเด็กก็เริ่มลามือ และยอมให้พวกเขานอนแต่โดยดี พี่ๆ บอกว่าไม่อยากเล่าให้ฟังเพราะไม่อยากให้พวกเรากลัวกัน เพราะห้องก็อยู่ติดกันแค่นี้เอง
น่าแปลกที่ห้องของฉันกลับไม่มีใครเจอเลย แต่หัวหน้าที่นอนอยู่ห้องถัดไปกลับเจอเช่นเดียวกัน อาจเป็นเพราะก่อนนอนฉันสวดมนต์ แผ่เมตตา และขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่นั้นแล้วก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ได้แต่โล่งใจ
แต่แล้วในวันถัดมา ฉันต้องเอาข้อมูลของงานลงเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในห้องของผู้ชาย ฉันและพี่ๆ ที่ทำงานก็นั่งกันในห้องนั้น ทุกคนนั่งทางด้านซ้ายมือของฉันกันหมด ระหว่างที่ฉันนั่งเก็บข้อมูลอยู่นั้นก็รู้สึกเหมือนมีใครเอาหน้ามาเกยไว้บน ไหล่ทางด้านขวาจนรู้สึกเหมือนแก้มแทบจะชนกันจึงหันขวับไปดูเพราะคิดว่าพี่ๆ แกล้ง แต่ปรากฎว่าทุกคนนั่งคุยกันอยู่ที่เดิม เมื่อฉันถามเขาก็ทำหน้างงกันหมด และยืนยันว่าไม่ได้เดินมาทางนี้กันเลย เท่านั้นแหละฉันรีบเรียกพี่อีกคนมานั่งเป็นเพื่อนทันที
เรื่องยังไม่จบแค่นี้ ในวันรุ่งขึ้นทุกคนก็เจอเรื่องเดิมอีกจนเขาบอกว่าเริ่มชินแล้ว คือ จากกลัวจนเลิกกลัวแล้วเพราะเหนื่อยจากการทำงานกันมาก วันนี้ฉันและพี่ที่อยู่ห้องเดียวกันอีกคนยังไม่ไปที่ทำงานเพราะต้องเคลียร์ งานกันในห้อง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะไปยังสถานที่ทำงานจึงเดินออกมาปิดล็อกห้องอย่าง ดี แต่ห้องของพี่ผู้ชายกลับเปิดอ้าไว้ทั้งที่พวกเขาออกไปทำงานกันหมด ฉันกำลังจะไปปิดประตูให้แต่พี่ผู้ชายเดินออกมาจากลิฟท์พอดี ฉันจึงตำหนิเขาว่าเปิดประตูทิ้งไว้ทำไม เพราะมีของมีค่าอยู่เยอะมาก พวกเขาก็ยืนยันว่าปิดล็อกเรียบร้อยแล้ว พี่ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นว่าน้องมาเปิดนะสิ เมื่อวานเขาก็เห็นว่าน้องเปิดประตูรอพวกเขากลับมา เท่านั้นแหละทุกคนก็รีบชวนกันลงมาข้างล่างทันที
สี่วันผ่านไปอย่างร้อนๆ หนาวๆ ในที่สุดก็ได้กรับกรุงเทพสักที รู้สึกดีใจมากๆ เพราะรู้สึกกลัว ไม่อยากเจอ แม้จะรู้สึกบ้างแต่ยังดีที่ไม่เคยเห็นแบบจะๆ ก่อนกลับก็ถามแม่บ้านที่โรงแรมจึงได้ความว่า เคยมีนักท่องเที่ยวที่เป็นเด็กเสียชีวิตที่นี่ และเขาก็ไม่ไปไหน ยังคงวนเวียนชวนให้แขกที่มาพักไปเล่นกับเขาอยู่แบบนี้มานานแล้ว
อยู่มานานแล้ว.......
คิดแล้วปวดใจ และคุยกันว่า ถ้ามาอีกทีไปหาที่อื่นพักกันเถอะ....
Share: