วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พุทธพยากรณ์ที่เป็นจริง


ภัยธรรมชาติ ในปัจจุบันที่มีมากขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นสึนามิ พายุชนิดต่างๆ เช่น ไซโคลน ทอร์นาโด เป็นต้น และการที่โลกร้อนขึ้นจนทำให้วัฏจักรต่างๆ ของธรรมชาติ รวมทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงไป

มีโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อความลำบากและความอยู่รอดของสรรพชีวิตทั้งปวงนั้น ในพุทธศาสนาเองก็เคยมีพยากรณ์ไว้ตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์เองมี เช่น

ใน “สุริยสูตร” มีการกล่าวถึงความพินาศของโลก เนื้อหาโดยสรุปคือ เมื่อกาลล่วงไป ดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ปรากฏขึ้น ทำให้แม่น้ำลำคลองเริ่มแห้งลง พอดวงอาทิตย์ดวงที่ ๓ และ ๔ ปรากฏขึ้น แม่น้ำลำคลองใหญ่เล็กทั้งสิ้น ก็แห้งลงหมด เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรก็เหือดแห้งลง พอดวงที่ ๖ ปรากฏขึ้น ทั้งแผ่นดินและภูเขาก็ร้อนจัดมีควันพุ่งขึ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏขึ้นแผ่นดินและภูเขาทั้งหมดก็จะถูกไฟเผาลุกโชนและเปลวไฟนั้นพุ่งขึ้นไปถึงชั้นพรหมโลก โลกก็จะพินาศสิ้น

คำพยากรณ์ข้างต้นนี้ อธิบายโดยใช้ความรู้สมัยใหม่ได้หลายทาง เช่น ดวงอาทิตย์ของเรามีอายุที่แน่นอน (แม้จะอีกนับพันล้านปี) แต่เมื่อใกล้จุดจบของดวงอาทิตย์จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์จากธาตุฮีเลียม ทำให้เกิดความร้อนสูงมาก และดวงอาทิตย์จะขยายตัวขึ้นจากเดิมเป็น ๑๐๐ เท่า (เสมือนมีดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้น) และจะเผาไหม้โลกรวมดาวเคราะห์อื่นๆ ให้สูญสิ้นไป

หรือคำอธิบายอีกทางหนึ่ง ที่อาจเกิดขึ้นได้ในเวลาใกล้กว่านั้น คือ โลกเราอยู่ในยุคที่ผู้นำประเทศมหาอำนาจมี โลภะ โทสะ โมหะสูง หากทำสงครามกันด้วยระเบิดนิวเคลียร์นับร้อยลูก โลกทั้งโลกก็จะถูกเผา เสมือนมีดวงอาทิตย์นับสิบดวงได้เช่นกัน

"สภาวะโลกร้อนและภัยธรรมชาติในระยะนี้ อาจจะยังไม่ถึงเวลาตามคำพยากรณ์ในสุริยสูตร ซึ่งโลกจะพินาศไปหมด แต่น่าจะมาจากพุทธพยากรณ์พระสุบินนิมิต ของพระเจ้าปเสนทิโกศล รวม ๑๖ ข้อ"

นี่คือความเห็นของ นายโอฬาร เพียรธรรม ผู้เขียนและพิมพ์หนังสือ "ธรรมะใส่สูตร"

ทั้งนี้ นายโอฬารได้สรุปคำพยากรณ์สั้นๆ ทั้ง ๑๖ ข้อให้ฟังว่า

๑.ในอนาคต ผู้คนจะห่างเหินศีลธรรม ผู้นำไม่ตั้งมั่นอยู่ในธรรม ทำให้เกิดธรรมชาติแปรปรวน
๒.ในอนาคตคนจะมีจิตใจต่ำทราม มั่วสุมเสพกาม ตั้งแต่ยังเยาว์
๓.ในอนาคตลูกจะไม่เคารพบิดามารดา พ่อแม่ต้องเอาใจลูก เพื่อให้ยังชีพอยู่ได้
๔.ในอนาคตคนมีอายุน้อย ไม่มีความสามารถจะมาบริหารประเทศ ทำให้เกิดความเสียหาย
๕.ในอนาคต ผู้ตัดสินคดีความต่างๆ ขาดความยุติธรรม เรียกร้องเอาเงินจากทั้ง ๒ ฝ่าย
๖.ในอนาคตคนไม่มีศีลธรรมเป็นอันธพาล เกเร แต่จะมีอำนาจวาสนาในบ้านเมือง
๗.เป็นการพยากรณ์ สตรีที่เป็นภรรยาที่ประพฤติไม่ดีหลายประการ
๘.ในอนาคตผู้ปกครองจะบีบบังคับชาวบ้านในการใช้แรงงานต่างๆ เพื่อความมั่งมีผาสุก ของผู้ปกครองเอง
๙. ในอนาคต เมื่อผู้ปกครองไม่ตั้งอยู่ในธรรม ผู้คนจะยากจนข้นแค้น ทำให้ต้องหนีเข้าป่าไป เมืองใหญ่จะร้าง
๑๐.ในอนาคตขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามจะสลายไป ผู้คนหยาบกระด้าง ไม่จริงใจ จ้องทำลายกัน และมีโรคภัยใหม่ๆ เกิดขึ้น
๑๑.ในอนาคตจะมีภิกษุที่เป็นอลัชชีมากขึ้น คือ เห็นแก่ปัจจัยค่าตอบแทนต่างๆ ไม่แสดงธรรมที่ถูกต้อง
๑๒.ในอนาคต คนดีมีความรู้จะไม่ได้รับการยกย่องเชิดชู แต่คนเลว คนชั่วจะเป็นใหญ่เป็นโต กดขี่คนดี
๑๓.ในอนาคตคำสอนที่ดีๆ ในศาสนาจะไม่เข้าถึงจิตใจประชาชน คนก็จะเป็นคนพาล ประพฤติชั่ว แต่ก็ได้รับการยกย่องในสังคม
๑๔.ในอนาคตมนุษย์จะมีกิเลสตัณหามากขึ้น มุ่งแต่สะสมครอบครองวัตถุต่างๆ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม
๑๕.ในอนาคตคนชั่วคนพาลแต่ตระกูลใหญ่โตจะครองเมือง ข่มเหงผู้รู้ นักปราชญ์ต่างๆ
และ ๑๖.ในอนาคตลูกศิษย์ที่ได้รับการศึกษาเล่าเรียนจนจบกลับจะเนรคุณอาจารย์

"คำพยากรณ์พระสุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลนี้ หลายๆ ข้อจะเห็นว่าอยู่ในแนวเดียวกัน คือ คุณธรรม ความดีงาม ของผู้คนทั้งประชาชน และผู้ปกครองจะน้อยลง คนเลวจะมาปกครองบ้านเมือง และนำความลำบากมาให้ ซึ่งดูจะสอดคล้องกับเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันมาก เพราะแม้ภัยจากโลกร้อน และภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน ก็ไม่ใช่เพราะดวงอาทิตย์ร้อนขึ้น แต่เกิดจากความเลว ไม่มีคุณธรรมของคนในโลก ทั้งประชาชน และผู้นำประเทศเป็นหลัก เกิดการแย่งชิงทรัพยากรกัน เร่งทำลายธรรมชาติ จนเกิดสภาวะเรือนกระจก และภัยธรรมชาติต่างๆ ตามที่เห็นกันอยู่ ภัยพิบัติปัจจุบัน ซึ่งน่าจะตรงกับการพยากรณ์ ความฝันทั้ง ๑๖ ข้อนี้ แม้จะยังไม่ทำให้โลกพินาศลงตามสุริยสูตร แต่ก็อาจทำให้ผู้คนล้มตายไปจากโลกนี้นับร้อยๆ ล้าน หรือพันล้านคนได้ ในอนาคตอันใกล้นี้ หากคนในโลกนี้ประมาท ลืมตัว ไม่ปฏิบัติตามธรรมะ ในศาสนาใดก็ตาม ที่ตนนับถืออยู่อย่างจริงจัง" นายโอฬาร กล่าว

พระสุบิน ๑๖ ประการ

พระอาจารย์สุขเกษม เขมสุโข พระนักจัดรายการวิทยุ และพระนักแต่งเพลงเทศน์ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ กทม. อธิบายให้ฟังว่า มหาสุบินชาดก… ในคัมภีร์อรรถกถาชาดก (อธิบายชาดก) เล่มที่ ๑ เล่าว่า...พระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี แคว้นโกศล บรรทมหลับในราตรีกาล เวลาปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ทรงฝันเห็นภาพประหลาด ๑๖ ประการ จึงทรงตกพระทัย ตรัสเล่าความฝันนั้นให้พราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย พราหมณ์เหล่านั้นกราบทูลเป็นเสียงเดียวกันว่า ความฝันนี้ร้ายแรงนัก ทำนายว่า พระองค์จะต้องทรงประสบอันตรายสามประการ คือ เสียราชสมบัติ โรคาพยาธิเบียดเบียน หรือสวรรคต ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ประกอบด้วย

๑.โคล่ำสัน มีโควิ่งมาจากสี่ทิศ เหมือนจะเข้ามาทำร้าย แต่พอใกล้กัน ก็ถอยหนีจากกันไป
๒.ข้าวสารหุงไม่สุก ทั้งๆ ที่หุงในหม้อเดียวกัน มีทั้งดิบ สุก และแฉะเกินไป
๓.แม่โค แม่โคจะกินนมลูกโคที่เพิ่งออกจากท้อง
๔.ต้นไม้ กลับจะออกดอกผลตั้งแต่ยังไม่เจริญเต็มที่ ทำให้ผลที่ได้เน่าเสียและไม่สมบูรณ์
๕.ถาดทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุมีค่ามาก กลับถูกประชาชนนำไปให้สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งถ่ายปัสสาวะรดใส่
๖.สุนัขจิ้งจอก แทนคนชั่วร้ายหรือเจ้าเล่ห์ ที่แอบซ่อนตัวอยู่ และคอยกัดแทะเชือกซึ่งชายคนหนึ่งฟั่นไว้ใช้งานโดยเขาไม่รู้
๗.เขียดกินงู โดยเขียดนั้นกลับรู้จักใช้เล่ห์เหลี่ยมจนทำให้งูพ่ายแพ้
๘.แก่นจันทน์ ประชาชนเอาแก่นจันทน์หอมไปแลกกับนมโคเสียง่าย
๙.น้ำเต้าจมน้ำ น้ำเต้าที่เบาๆ ควรลอยน้ำกลับจมน้ำ
๑๐.ศิลาลอยน้ำ ศิลาหนักแน่นแทนที่จะจมน้ำกลับลอยน้ำ
๑๑.โคสามัญ กลับถูกปล่อยแล้วเอาโคเด็กมาแทนที่
๑๒.ม้าสองปาก กินหญ้าสองทาง
๑๓.ตุ่มน้ำ มากมายไม่มีใครสนใจ ชาวบ้านต้องช่วยกันหาน้ำมาเทใส่ตุ่มใหญ่
๑๔.สระโบกขรณี กลางสระใหญ่กลับขุ่น แต่ริมสระกลับใสสะอาดน่าแปลกประหลาด
๑๕.หงส์ล้อมกา คนชั้นสูงเชิดชูคนต่ำต้อย
และ ๑๖.เสือกลัวแพะ พวกแพะกลับไล่เสือเข้าป่าไป
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น