ประวัติของนายแพทย์อิชิอิ ชิโร ผู้เขียนได้อ่านแล้วเกิดความรู้สึกอย่างกระทืบหมอนี้ให้จมดินจริงๆ ..................
อิชิอิ ชิโร เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1892 ในหมู่บ้าน ชิโยดะ มูระ จังหวัดชิบะ เป็นลูกคนที่สี่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง เป็นเศรษฐีที่นาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ใน ด้านการศึกษาของหมออิชิอินั้น เรียกว่าถึงขั้นอัจฉริยะ เขามีพรสรรค์พิเศษในเรื่องความจำตั้งแต่เด็ก เขาสามารถท่องบทกวีที่ยาวๆและซับซ้อนได้อย่างเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ เขาเขานั้นมักพูดถึงหมออิชิอิว่า เป็นคนอวดดี ก้าวร้าว และยโสโอหัง ชอบเบ่งว่าเป็นลูกคนรวย
เมื่ออิชิอิจบมัธยมในเดือนเมษายน ปี 1916 เขา ก็ไปสอบนายแพทย์ต่อในมหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งอาจารย์ทั้งหลายชื่นชมเขามาก ว่าเป็นคนขยันและฉลาดปราดเปรื่อง ถึงขั้นให้หมออิชิอิทำงานวิจัยระดับสูง ในขณะที่เพื่อร่วมรุ่นยังศึกษาวิชาพื้นฐานทางการแพทย์อยู่เลย
ด้วย เหตุนี้ เขาจึงยิ่งยโสโอหังเกินกว่านักศึกษาคนอื่นๆ ยิ่งขึ้นไปอีก แต่ความยโสโอหังนี้เป็นของจริง เพราะผลงานทางวิชาการของเขาใครๆ ต่างชื่นชม จนสามารถจบโรงเรียนแพทย์ได้ในเดือนธันวาคม 1920 เมื่ออายุ 28 ปี
หมอ อิชิอิเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เขามีโครงสร้างคล้ายฝรั่ง เป็นคนสูงใหญ่ ใส่แว่นบางครั้ง พูดภาษาอังกฤษเก่ง เขามักพูดเสียงดังสนั่นไม่สนใจหรือกลัวใคร มีร่างกายแข็งแกร่งกำยำ เพื่อนร่วมงานหลายคนเชื่อว่าหมออิชิอิแข็งแรงผิดมนุษย์
ใน ช่วงเวลาที่หมออิชิอิจบโรงเรียนแพทย์นั้นญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สงครามโลก ซึ่งตระกูลชิโรเป็นตระกูลใหญ่ที่รักชาติและองค์สมเด็จพระจักรพรรดิยิ่งชีวิต ไม่น่าแปลกอะไรที่อิชิอิ ชิโรจะแสดงบทบาทรักชาติสมัครเข้าเป็นแพทย์ทหารทันที
เขาใช้เวลาไมกี่เดือนก็ได้รับยศ "อิชิอิ ชิโร" และถูกส่งเข้าไปรับการฝึกฝนเป็นแพทย์ทหารเพื่อเตรียมเข้าสู่สนามรบ โดยสังกัดอยู่ในกองพลรักษาองค์พระจักรพรรดิที่ 3
เมื่อ เขาเข้าร่วมเป็นแพทย์ทหารประจำกองทัพญี่ปุ่นเขารู้สึกสนใจอาวุธชีวภาพมาก เนื่องจากมันเหมาะกับญี่ปุ่นที่เป็นประเทศเล็กที่ไม่เหมาะในการสู้รบแบบปะทะ กัน อีกทั้งอาวุธเชื้อโรคและเคมีนั้นเป็นอาวุธที่มีพิษสงรุนแรง ราคาถูก
วันที่ 9 เมษายน 1921 อิ ชิอิ ชิโร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดได้รับยศเป็นร้อยเอกของกองทัพโดยสมบูรณ์ และเพื่อสานฝันงานด้านวิจัยมนุษย์เขาขอย้ายตัวเองไปศึกษาที่โรงพยาบาลทหารใน กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1922
ชีวิตในโตเกียวนั้น หมออิชิอิ ได้รับฉายานามจากเพื่อนๆ ว่า "เสือผู้หญิง" "พ่อบุญทุ่ม" "นกเค้าแมว" และ "คอทองแดง"
หมออิชิอิ เป็นพวกโลลิคอน ชื่นชอบเด็ก เขายินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อบริการเกซิซามือใหม่วัยไม่ถึง 19 ปี อีกทั้งเป็นคนชอบเที่ยวยันสว่างทุกคืน แต่สามารถทำงานโดยไม่หยุดพัก แต่ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลง
แต่ ด้วยความสามารถ ความฉลาด และเป็นลูกชายตระกูลใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับสูง ทำให้ไม่มีใครกล้าตักเตือนอะไรกับเขามากนัก ตรงกันข้าม หัวหน้ายังส่งหมออิชิอิไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในโตเกียวอีกครั้งในปี 1924
ที่ เกียวโต หมอชิโรศึกษาและทำงานด้านวิจัยทางด้านจุลชีววิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา พยาธิวิทยา และเวชศาสตร์ป้องกันโรค และที่นั้นเขาก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของนายกสภามหาวิทยาลัย พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ค้นพบไวรัสระบาดสายพันธุ์ใหม่ ที่ต่อมาใช้ชื่อว่า "โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบี" ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทั้งสายการเมือง ทหาร และวิชาการแนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
หมอ ชิโรจึงกลายเป็นคนดังด้วยเหตุนี้ แต่ในขณะที่เพื่อร่วมงานมักพูดถึงเขาว่า เขาเป็นคนฉลาดมาก ทำงานหนัก แต่ไม่มีวิญญาณของนักวิชาการอยู่ในจิตใจ แต่เขามีความทะเยอทะยาน อยากจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่นึกถึงความถูกต้องดีงาม บ่อยครั้งเลยที่เขามักแสดงความยโสต่อผู้ที่อาวุโสต่อเขา"
ยกตัวอย่างเลย มีครั้งหนึ่งสมัยที่เขาเรียนเกียวโตอุปกรณ์เครื่องมือในห้องปฏิบัติการมีจำนวนจำกัดมาก นักศึกษาทั้งหมดมีตั้ง 30-40 คน ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกัน และด้างล้างเครื่องมือให้สะอาดหลังเสร็จงานทดลอง ซึ่งเป็นงานที่เบื่อหน่ายมาก กินแรงและเวลาอย่างยิ่ง เพราะถ้าเครื่องมือไม่สะอาดจะทำให้ผลการทดลองผิดเพี้ยนได้
แต่ หมออิชิอินั้นเล่า เขามักย่องเข้าไปห้องปฏิบัติการหลังจากเสร็จงานล้างเครื่องมือแล้ว เขาทำการทดลองด้วยตนเองโดยใช้อุปกรณ์ที่นักศึกษาล้างไว้ เมื่อเสร็จงานเขาก็กองอุปกรณ์ไว้ที่อ่างล้างมือ ไม่ล้างซักแอะ
มันเป็นคนเห็นแก่ตัวชัดๆ
อีก ตัวอย่างหนึ่ง หมอชิโรเป็นนักเที่ยวราตรีตัวฉลาก ไม่ว่างานหนักเพียงใด เขามักหนีไปเที่ยวกลางคืนเสมอ ทั้งๆ ที่ในครอบครัวมีลูกตั้ง 7 คน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดปัญหาเรื่องการแพทย์เร่งด่วน เขาได้รับคำสั่งประชุมเพื่อแก้ปัญหานั้นทันที ตอนตีสาม แต่เขายังท่องราตรีอย่างหนำใจ ไม่สนว่าเพื่อนร่วมงานตอนตี 3 จะรู้สึกอย่างไร
อ้อ........คนเรา
ในปีค.ศ. 1927 นาย แพทย์อิชิอี ชิโร ได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก กลายเป็นพันตรีนายแพทย์ด็อกเตอร์อิชิอิ ชิโร พร้อมนิสัยเห็นแก่ตัวและหยิ่งยโสที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
ในช่วงนี้ ดร.อิชิอิ ได้คบค้าสมาคมกับเพื่อนๆ ที่มีแนวคิดนิยมหัวรุนแรง คลั่งความเป็นญี่ปุ่น ต่อต้านระบบทุนนิยม ต่อต้านแนวคิดเสรี คลั่งนาซี ฯลฯ
เขาติดนิสัยจากพวกนี้เต็มๆ เลย.....
และแล้ววันที่เขารอมาถึง...........วันที่เขาจะฆ่าคนอย่างถูกกฎหมาย
จุดเริ่มต้นของหน่วยปฏิบัติการ 731
ปีค.ศ.1925 ที่ ประชุมระดับโลกได้มีมติห้ามผลิตและใช้อาวุธชีวภาพโดยเด็ดขาด แต่หมอชิโรกลับมองเห็นว่านี้คือช่องทางเดียวที่จะทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหา อำนาจได้
เขาเริ่มขายความคิดในเรื่องการผลิตอาวุธชีวภาพกับผู้มีอำนาจสูงสุดในกองทัพ โดยเขามักพูดว่า "อาวุธชีวภาพน่ะต้องได้ผลแน่นอน ไม่งั้นพวกประเทศใหญ่ๆ เขาคงไม่ต่อต้านขนาดนี้หรอก"
หมออิชิอิเริ่มทำการหว่านล้อมนายแพทย์โค่ยสุมิ ชิกาฮิโกะ ซึ่งเป็นบิดาแห่งวงการสงครามชีวภาพและสงครามเคมีของญี่ปุ่น
และหมออิชิอิก็เบาหูแกได้สนิท เพราะนายแพทย์โค่ยสุมิแกก็ชาตินิยมเหมือนกัน
หลังจากนั้น นายแพทย์โค่ยสุมิก็มอบอาคารสูงให้หมออิชิอิ โดยไม่รู้ว่าอาคารนี้ใช่ทำอะไรอยู่ภายใน
ความลับนี้เริ่มเปิดเผยออกเมื่อผ่านมานานกว่า 60 ปี เมื่อทางวิทยาลัยได้ทำการรื้ออาคารแห่งนี้ คนงานขุดพบหลุมศพขนาดใหญ่ ซ่อนศพไว้ไม่ต่ำกว่า 100 ศพ เมื่อดูจากโครงสร้างทางสรีระที่หลงเหลืออยู่บ่บอกว่าเขาไม่ใช้คนญี่ปุ่น สภาพศพถูกทารุณกรรมจากการผ่าตัดส่วนต่างๆ ในร่างกาย
เชื่อ กันว่าน่าจะมีจุดฝังศพอื่นๆ อีก แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีคำสั้งออกมาว่าห้ามขุดคุ้ยประเด็นนี้ และให้นำศพเหล่านั้นไปทำการฌาปนกิจเพื่อทำลายหลักฐานและทำลายภาพลักษณ์อัน น่าสพรึงกลัวในอดีต
ย้อน กลับไปในช่วงเวลาของหมออิชิอิ เขาได้ชักชวนรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผลสำเร็จโดยงานวิจัยที่ใครๆ ไม่ทราบรายละเอียด แต่เขาเรียกร้องที่จะทำการทดลองขนาดใหญ่และต้องการวัตถุดิบจำนวนมากๆ
แผนการโหดของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเขาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจลับที่ประเทศจีน................
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น