งานโครงสร้างคอนกรีตธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่ยังเร่งโหมอย่างต่อเนื่อง แสง สปอตไลท์ยามค่ำคืนคงส่องสว่างถึงรุ่งเช้า รถโม่คอนกรีตสำเร็จรูปยังวิ่งเข้าออกแทบตลอดเวลา สถานีขนส่งผู้โดยสารสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือหรือหมอชิตยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด ถือกระเป๋าเดินทางและข้าวของกล่องกระดาษ สะพานลอยคนเดินข้ามถนนพหลโยธินจากฝั่งหมอชิตไปสวนจตุจักรยังเนืองแน่นหาที่เดินแทบไม่ได้ แต่ละก้าวของคนแปลกหน้าแต่ละคนยังพัวพันกันไปมาไหลลื่นไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
6 โมงเช้า ผมกับเบิ้มลงจากรถทัวร์สายขอนแก่น-กรุงเทพฯ ยืนรอรถเมล์ได้สักพักก็ไปขึ้นสาย 59 จากหมอชิตผ่านไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเดินย่ำไประยะไม่ห่างกันนักก็มาถึงที่พัก ป้ายกระจกสูงริมเสาไฟบอกชื่อแฟลตพร้อมสัญลักษณ์ดาว 5 ดวง เราขึ้นลิฟท์มาชั้น 5 เข้าไปในห้อง ก่อนที่จะรีบอาบน้ำ แต่งตัว ลงมาทานข้าวข้างล่าง ผมยังไม่ชินกับมลพิษทางอากาศของที่นี่ รู้สึกหายใจอึดอัด พอใช้นิ้วมือแคะตามซอกรูจมูกออกมาดู เห็นเขม่าควันดำเกาะโดยรอบ เบิ้มพาไปไซต์สาธรซิตี้หน่วยงานก่อสร้างอาคารสูงออฟฟิศคอนโดมิเนียม 29 ชั้น ขณะนั้นเพิ่งปรับพื้นที่และตอกเข็มพืดหรือชีตไพล์อยู่
ความจริงแล้วผมเรียนจบช้าไป 1 เทอมในระหว่างรอผลสอบวิชาสุดท้าย ก็เจอเบิ้มกลับมารับใบทรานสคริปต์และลงทะเบียนรับพระราชทานปริญญาบัตร เบิ้มชวนผมไปทำงานที่กรุงเทพโดยให้ทางคณะออกใบรับรองคาดว่าจะจบเพื่อรีบไปหางานทำ งานช่วงนั้นกำลังบูมเป็นยุคทองของเรียลเอสเตท(2530-2540) หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อันได้แก่การจัดสรรหรือรับเหมาก่อสร้างบ้านและที่ดิน ถนนสาธรเหนือช่วงนั้นช่างหาอาหารรับประทานยากจริง ๆ ตอนเที่ยงต้องให้แม่บ้านไปซื้อข้าวแกงที่ร้านเพิงหมาแหงนใส่กล่องโฟมกลับมาให้พนักงานออฟฟิศหลาย ๆ คน
4 โมงเช้าพี่โจก็ตามมาถึงหน่วยงาน เบิ้มกับพี่โจพักที่แฟลตห้องเดียวกัน ก่อนจะมีผมตามมาสมทบอยู่ด้วย ตอนเย็นเลิกงาน พี่โจแยกไปหน่วยงานก่อสร้างฐานรากของบริษัทเสาเข็มอีกแห่งหนึ่ง คนเดียวทำ 2 บริษัท กลางวันที่หนึ่ง กลางคืนอีกที่หนึ่ง เป็นช่วงที่เมคมันนี่ (MAKE MONEY) อย่างเดียว เบิ้ม สตาร์ทงานที่เงินเดือน 12,000 บาท เหมารวมโอที สำหรับวิศวกรเพิ่งจบใหม่ ถือว่าเริ่มต้นได้ไม่เลว ก่อนกลับเบิ้มแวะทานข้าวและจีบน้อง ๆ พยาบาลแถวโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ก่อนเข้าแฟลตเบิ้มยังชวนผมเดินเล่นต่อที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันอนุสาวรีย์ฯ 3 ทุ่มก็ได้เวลาล้มตัวนอนบนฟูก สภาพภายในห้องยังรกระเกะระกะจัดข้าวของหรือชั้นวางไม่ลงตัว โทรทัศน์ขนาด 14 นิ้วยังไม่มีชั้นวาง เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ หลอดไฟยังเป็นแบบกลมส่องแสงสีส้มนวล ถึงแม้จะเหนื่อยเพลียจากเมื่อคืนที่นั่งรถทัวร์มาก็ไม่สามารถทำให้ผมข่มตาหลับลงไปได้ เพราะเหมือนกับมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ในมุมมืด ผมรู้ตัวอีกครั้งราวตี 3 เมื่อพี่โจกลับจากคุมงานเทคอนกรีตหล่อเสาเข็มแถวลาดพร้าว แกถอดเสื้อผ้านอนหลับปุ๋ยไปเลยด้วยความอ่อนเพลีย
ตื่นเช้าผมโทรศัพท์บอกพี่ชายให้มารับไปอยู่ด้วยที่อพาร์ตเม้นต์แถวฝั่งธนบุรี ตอนขนของออกมาจากห้องผมสังเกตที่บานประตูมียันต์ปูนขาวที่นิมนต์พระมาเจิม แต่เหนือวงกบประตูกลับปรากฏตะปูเหล็กหัวสีแดงตอกคาอยู่ คล้ายการสะกดวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้อาละวาดตามที่ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารเรื่องผี
พอไปอยู่ที่ใหม่กับพี่ชายได้หนึ่งคืน เช้าวันถัดมาผมก็สมัครงานได้ทำคอนโดแถวพัทยา เงินเดือน 12,000 บาท เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดอีก 3,000 บาท รวมเป็น 15,000 บาท ก็เป็นบริษัทเดียวกันกับที่พี่โจและเบิ้มทำที่กรุงเทพฯนี่เอง ตอนเย็นแวะไปทานข้าวกับเบิ้มแถวอนุสาวรีย์ฯ
?อย่าหาว่าผมยังงั้นยังนี้เถอะนะ ผมว่าห้องที่เราอยู่ในแฟลตห้าดาวนี่ค่อนข้างชอบกล เหมือนมีใครมานั่งจ้องในมุมมืด ทำให้เมื่อคืนก่อนผมนอนไม่หลับเลย?
?คงผิดที่ผิดทางมั้ง เดี๋ยวก็เคยชิน? เบิ้มแย้ง
?ไม่ไหวว่ะ ไม่เห็นเหรอพอถึงเช้าผมรีบย้ายไปตั้งหลักใหม่อยู่กับพี่ชายแถวฝั่งธนฯ? พูดจบผมดูดน้ำชาดำเย็นจนหมดแก้วขณะที่เพิ่งทานข้าวมันไก่ได้ครึ่งจาน
?ความจริงพี่โจก็เจอเหมือนกัน คล้ายกับมีเด็กมาวิ่งไล่กระโดดไปมาข้ามตัวแก?เบิ้มสารภาพ
?นั่นไง นึกแล้วเชียว?
?ร.ป.ภ. ที่นี่บอกว่า ห้องนั้นเคยมีคนฆ่าตัวตายยกครัว 5 ศพ พ่อแม่ลูก ถ้ายังเฮี้ยนอยู่ขนาดนี้เห็นทีต้องชวนพี่โจย้ายที่อยู่ใหม่ตอนสิ้นเดือน?สีหน้าเบิ้มจริงจังกับที่พูด
?พรุ่งนี้วันที่ 1 พฤศจิกา ผมจะไปพัทยา เอาไว้วันที่ 15 เงินเดือนออกแล้วเจอกันที่เฮ้ดออฟฟิศ?
ตุลาคม 2543
ผมยังทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารเรียนแถวสามย่าน เบิ้มทำงานให้กับบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาของฝรั่ง เฮ้ดออฟฟิศอยู่อาคารเลครัชดา ส่วนพี่โจพ้นวังวนธุรกิจก่อสร้างที่นับวันมีแต่จะทรงกับทรุดไปเอาดีทางขายประกันชีวิต เพิ่งกลับจากเดินทางไปดูงานต่างประเทศที่ฮ่องกง , ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เรา 3 คนไม่เคยเหยียบย่างกลับไปอยู่แฟลตที่อนุสาวรีย์ฯกันอีกเลย
?หนึ่ง?หนึ่ง?..ห้า?..จู๊น! ส่งไก่ถึงที่..อะ.ชั้นนี้มันทำไมถึงเงียบเชียบพิลึกนักวะ? นายดนัยพนักงานส่งอาหารตามสั่งเดินไปตามระเบียงห้อง หยุดกึกที่ห้องหมายเลข 506 ใช้มะเหงกเคาะประตูตามโค้ดไป 3 ที ยังคงเงียบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
?ชะ..เอ๊ย! พวกคุณแอบย่องมาข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ตกใจหมดเลย?
นายดนัยหันหน้ากลับมามองผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังจากหัวจรดเท้า หนึ่งหญิง สองชาย วัยรุ่นอายุยังน้อย ?ว่าแต่คุณเป็นเจ้าของห้องและสั่งไก่ เคเอฟซี ผมด้วยใช่มั้ยครับ?
?ใช่?ถูกต้อง ขอเปิดประตูห้องก่อนนะ?
ว่าพลางชายหนุ่มร่างสูงใช้มือไขลูกบิดเปิดประตูเข้าไป สายตาดนัยสอดส่องตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น ในห้องรกอีนุงตุงนังไปด้วยเครื่องเสียงระดับไฮ-เอ็นด์ ลำโพงเซอร์ราวนด์ขนาดเบ้อเริ่ม 5 ตัว พร้อมขาตั้งสแตนด์อย่างดีและทีวีโปรเจคเตอร์จอมหึมา กลิ่นเหล้าเบียร์ คละคลุ้ง ฝาห้องตั้งขวดเปล่าของบลูอีเกิ้ลเรียงกันเป็นแถบ แสงโคมไฟสลับสี แดง เขียว เหลือง เมื่อสะท้อนกับลูกคริสตัลกลางห้องดูแล้วตาลายพานทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า นี่มันดิสโก้เธ็คจัดงานปาร์ตี้ยาอีขนาดย่อมได้สบาย กำลังสอดส่ายสายตาซอกแซกเพลิน ๆ ดนัยก็ตกใจกับพลังเสียงกระหึ่มของลำโพงชุดมินีเธียเตอร์กับเพลงแร็บร็อควงลิมพ์บิซคิท (LIMP BIZKIT) ?TAKE A LOOK AROUND? ซึ่งประกอบภาพยนตร์มิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ล 2 (M:I-2)
?250 บาท ครบพอดี? เจ้าหนุ่มโย่งนับแบงก์จากกระเป๋าส่งมาให้
?โอ.เค.ครับ อย่าลืมเรียก เคเอฟซีดิลีฟเวอรี่ มาให้บริการในครั้งต่อไปอีกนะครับ..อืมม์พวกคุณคงอยู่กันหลายคนเห็นมีเด็กเล็กเด็กน้อยด้วย?สายตาดนัยจ้องไปที่มุมมืดของห้อง
?เด็กที่ไหน มึงอย่าเสือกรุ้มากแส่ไปบอกใครว่ากูมั่วสุมกันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวถูกตบบ้องหูเอานะโว้ย!?
?ผมกลัวแล้วลูกพี่ ไปล่ะครับ? ดนัยทำเสียงล้อเลียน
6 ทุ่มก่อนได้เวลารวมพล กับแกล้มข้าวปลาที่ซื้อมาจากข้างนอกก็แล้วเสร็จพอดี เจ้าโย่งมวนยาเส้นกัญชาเข้าที่ยัดใส่บ้อง สูดควันเข้าเต็มปอด ปากคาบขาน่องไก่ขบเคี้ยวไปมา แล้วพ่นแต่กระดูกที่เหลือลงพื้น เพื่อนชายและหญิงจัดเรียงโซฟาใหม่ให้ชิดผนัง เอาน้ำแข็งจากตู้เย็นมาเคาะเทใส่กระติก ข้างล่างมอเตอร์ไซคล์ 4-5 คัน วิ่งเข้ามาจอดใต้ถุนแฟลต สักพักลิฟท์ก็พาแขกรับเชิญขึ้นจากชั้นล่างมาส่งถึงชั้น 5 พอประตูลิฟท์เปิดเหล่าพลพรรคแฟนปีศาจแดงต่างแย่งกรูกันออกมา ราวกับนักฟุตบอลวิ่งออกจากห้องเก็บตัวมุดอุโมงค์วิ่งขึ้นสู่สนาม
?มาทันเวลาถ่ายทอดสดพอดีพรรคพวกเชิญคร้าบ?..เชิญเข้ามาข้างใน? เจ้าโย่งยืนทักทายเพื่อน ๆ ที่โถงทางเดิน
?กูเอาแมนยูต่อครึ่งควบลูก ไอ้โย่งมึงกล้ารองหรือเปล่าวะ? บักน้อยผู้มาเยือนท้าทาย
?ได้เลย ถ้าไม่อั้นเท่าไหร่เท่ากัน?
พอเข้าไปสุมหัวกันในห้องนับได้รวม 12 คน แรกๆ ก็เชียร์บอลกันสนั่นหน้าทีวีโปรเจ็คเตอร์จอยักษ์ พอพักครึ่งแรกเสียงเพลงเฮฟวี่เมทัลก็ดังกระหึ่มเสียงแต่ละคนแหกปากร้องตามฟังไม่ได้ศัพย์ ราวกับเสียงปีศาจจากนรกกำลังร้องดิ้นกันให้พล่านคาน้ำร้อนในกระทะทองแดง ชายหญิงจับคู่เคล้าคลึงกอดก่ายขึ้นขย่มกันบนโซฟา ควันบุหรี่ตลบอบอวน ที่เมาเหล้าหนักควบคุมตัวเองไม่ได้ก็คลานกลิ้งไปมากับพื้น และแล้วไฟในห้องก็ดับพรึ่บ สิ้นเสียงเพลงปีศาจทุกอย่างอยู่ในภาวะเงียบงัน เจ้าโย่งอาศัยแสงสลัวจากกระจกช่องแสงภายนอกเดินไปหยิบไฟฉายใกล้ชั้นวางแผ่นซีดี มีมือเล็ก ๆ เกาะยึดตามแข้งขาและเป้ากางเกง ทำให้มันเสียอารมณ์
?เฮ้ยอย่าเล่นพิเรนทร์ กูกำลังหาไฟฉายอยู่?
เมื่อคว้าไฟฉายได้กดส่อง สำแสงสว่างกระจายไปกลางห้อง ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าถึงกับทำให้เจ้าโย่งตะลึงจังงังกับศพเด็กชายหญิงอายุไล่เลี่ยกัน 2-3 ขวบ 3 คน นอนน้ำลายฟูมปากตาถลน ข้าง ๆ คงเป็นมารดาในสภาพไม่ต่างกัน รอบคอเขียวช้ำลิ้นจุกปาก ใบหน้าขาวซีด เส้นเลือดโปนเขียว กลอกตาหันมามอง เจ้าโย่งเบี่ยงลำแสงจากไฟฉายไปผนังระเบียงข้างห้องน้ำก็เห็นเงามืดของผู้ชายห้อยต่องแต่งผูกคอตายคาขื่อ
?ผะ?.ผี?ผีหลอกโว้ย!?
เจ้าโย่งกระโจน ตีนเหยียบลำตัวเผ่นข้ามพรรคพวกบางคนที่ยังนอนเมาอ้อแอ้สลบไสล เปิดประตูโกยอ้าวลงบันไดหนีไฟโดยไม่ต้องยืนรอลงลิฟท์ สวนทางตำรวจสายตรวจที่ระดมกำลังปิดล้อมทางขึ้นลงและเตรียมเข้าตรวจค้นห้องที่มีพลเมืองดีแจ้งทางโทรศัพท์ว่า มีกลุ่มวัยรุ่นจัดปาร์ตี้ยาอีมั่วเซ็กส์กันในแฟลตกลางกรุงใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
พอลงมาถึงถนนข้างล่างเจ้าโย่งโบกมือแล้วเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่
?ไปลงที่ไหนครับ? โชเฟอร์แท็กซี่ถามขณะนิ้วมือกดปุ่มมิเตอร์ขึ้นต้นที่ตัวเลข 35 บาท
?เออ?ปะ?ไป?สะพานควาย..แถวแยกสุทธิสารนะ? ?สั..ก..พั..ก?
?คุณ?คุณ..ถึงสุทธิสารแล้วคุณจะลงตรงไหน?
เจ้าโย่งลุกขึ้นนั่งตัวตรง หายจากอาการสะลึมสะลือมองออกไปนอกกระจกรถ
?เฮ้ย นี่มันยังอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยฯ นี่หว่า! มึงขับรถประสาอะไรกันวะ?
ภาพจากกระจกข้างรถสะท้อนใบหน้าโชเฟอร์คนขับรถแท็กซี่ ศีรษะแหว่งหายไปครึ่งซีก ตาอีกข้างโบ๋ ลูกตาทะลักลงมาใต้กระดูกโหนกแก้ม เลือดสดๆไหลออกจากรูจมูกและปาก เจ้าโย่งพยายามเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ออก มันจึงแหกปากร้องตะโกนสุดเสียง
?ช่วย?.ช่วยด้วย!!!?
สักพักเหมือนกับมีผ้าชุบน้ำเย็น ๆ มาเช็ดรอบคอและหน้าผากทำให้โย่งรู้สึกตัวตื่นขึ้น
?นี่?นี่..กูฝันไปหรือเปล่าวะ แล้วเพื่อน ๆ เราหายไปไหนกันหมด?
?ไอ้โย่งเอ็งเมากัญชาจนเพี้ยนหนักไปแล้ว บอกว่าอย่าริไปลองก็ไม่เชื่อ พรรคพวกเราน่าจะอยู่ในเธ็คสวอนอินน์แถวพญาไท ยังมาไม่ถึงว่ะ?
?ไอ้เบื๊อกกูอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ กูกลัว พวกเราเผ่นกันเถอะ ที่นี่มันแฟลตผีสิงชัด ๆ?
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น