วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตำนานกุมารทอง


กุมารทอง คืออะไร กุมารทองนั้นก็คือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่มีวิญญานของเด็กสิงสถิตอยู่ และสามารถแสดงตัวให้คนในบ้านเห็นหรือในยามที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ ซึ่งกุมารทองนี้ให้ได้ทั้งโชค ทั้งเมตตา และยังเป็นมหาเสน่ห์ได้อีกด้วย

กุมารทองเป็นผีเด็กที่ตายในท้องพร้อมกับแม่ ผู้ที่มีคาถาอาคมจะใช้คาถาอาคมแหวะเด็กออกจากท้องของศพผู้เป็นแม่ แล้วนำไปประกอบพิธีย่างในโบสถ์ หน้าพระประธานในเวลากลางดึกพร้อมกับบริกรรมคาถาไปขณะย่างนั้น เมื่อย่างจนแห้งดีจะนำมาปิดทองให้ทั่วทั้งตัว จึงเรียกว่า กุมารทอง แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ในที่อันควร ให้อาหารกุมารทองกินทุกวันอย่างคนปกติ ตามที่เล่ากันมานั้น วิญญาณกุมารทองจะสามารถปรากฏกายให้ผู้ที่สร้างกุมารทองเห็น และสามารถทำตามคำสั่งของผู้ที่สร้างกุมารทองได้ทุกอย่าง ความสามารถนั้นไม่ใช่ความสามารถของเด็กที่ยังไม่เกิด แต่จะสามารถทำได้เหมือนเด็กที่โตแล้ว ผู้มีคาถาอาคมจึงพยายามหากุมารทองไว้ใช้

กำเนิดกุมารทอง
กุมารทองนั้นเป็นของขลังที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล เป็นที่นับถือคุ้นเคยของคนรุ่นปู่ย่า แม้กระทั่งในทุกวันนี้ความเชื่อในเรื่องกุมารทองนั้นก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยจะเห็นได้จากการที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบกิจการต่างๆ มักจะมีหุ่นกุมารทองตั้งไว้บูชาไว้ด้วยความเชื่อที่ว่ากุมารทองนั้นจะสามารถเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน หรือให้โชคลาภแก่ผู้เลี้ยงอีกด้วย

กุมารทองจากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้นได้กล่าวถึงกำเนิดของกุมารทองไว้ตอนหนึ่งว่า ขุนแผนจับได้ว่านางบัวคลี่เมียของตนคิดวางยาพิษเพื่อจะฆ่าตน จึงได้ลงมือฆ่านางบัวคลี่ แล้วจึงผ่าท้องของนางเพื่อเอาบุตรชายภายในท้องนั้นมาทำเป็นกุมารทอง โดยทำพิธีในย่างศพเด็กและปิดทองคำเปลวจนกระทั่งกลายเป็นผีกุมารทอง แล้วใส่ห่อผ้าไว้ กุมารทองจัดได้ว่าสำคัญกับขุนแผนมาก เพราะกุมารทองนั้นก็เป็นบุตรคนหนึ่งของขุนแผนเช่นเดียวกัน
เหตุที่กุมารทองนั้นถูกจัดให้เป็นของวิเศษอย่างหนึ่งนั้น สันนิษฐานได้ว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยขุนแผนซึ่งอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา และได้รับสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ แต่การสร้างกุมารทองนั้นไม่สามารถทำแบบขุนแผนได้เนื่องจากผิดทั้งกฎหมาย และศีลธรรม

ตำนานกุมารทองเพชรฆาต
กุมารทองนั้นมี 2 ประเภทคือ กุมารทองที่มีฤทธิ์ทางด้านทำร้ายศัตรู และอีกประเภทคือด้านเมตตามหานิยม กุมารทองประเภทแรกนั้นจะมีความดุร้ายอยู่มาก แบ่งได้เป็น 4 ชนิดด้วยกัน คือ 1.เพชรมั่น 2.เพชรดับ 3.เพชรคง 4.เพชรสูญ กุมารทั้ง 4 ชนิดนี้ เรียกโดยรวมว่า "เพชรภูติงาน" หรือ "เพชรปราบ" มีไว้สังหารหรือทำร้ายศัตรูโดยเฉพาะ ตามตำรากล่าวไว้ว่าการสร้างกุมารทองชนิดนี้จะใช้การอัญเชิญของพวกผีตายโหงหรือปีศาจให้มาสถิตอยู่ในหุ่นกุมารทอง ซึ่งแต่ละชนิดนั้นจะมีวิธีการทำร้ายศัตรูที่ต่างกันไป กุมารทองเพชรสูญจะมีฤทธิ์ในการทำให้คนกลายเป็นบ้า กุมารทองเพชรคงและเพชรมั่นนั้นจะดีในทางด้านเฝ้าบ้านเรือนด้วยการฆ่าคนแปลกหน้าที่มาบุกรุกบ้าน สิ่งที่ปราบกุมารทองเพชรมั่นได้นั้นได้แก่วัวธนูที่ทำจากไม้ไผ่หามผี แต่กุมารทองเพชรคงจะมีฤทธิ์สูงกว่ากุมารทองเพชรมั่นเพราะสามารถเอาชนะได้หรือแม้กระทั่งที่ทำจากครั่ง สิ่งที่เดียวที่จะหยุดได้คือวัวธนูทองแดง ยิ่งไปกว่านั้นกุมารทองเพชรคงยังมีอำนาจในการไล่ตามศัตรูได้ในขณะที่กุมารทองเพชรมั่นจะอยู่แต่ภายในอาณาเขตบ้านเท่านั้น กุมารทองเพชรดับเป็นเพชรฆาตเลือดเย็นที่สามารถหักคอศัตรูอย่างรวดเร็วฉับพลันเหมือนนักฆ่ามืออาชีพมีไว้สำหรับปลิดชีวิตศัตรูโดยเฉพาะ กุมารทองจำพวกนี้ยังคงนิยมอยู่ในเฉพาะนักไสยเวทย์มนต์ดำที่เก่งกล้าหรือแถบเขมรและอิสลาม ไม่ได้นิยมในหมู่นักสะสมเครื่องรางทั่วไป

กุมารทองโชคลาภเมตตามหานิยม

กุมารทองอีกประเภทหนึ่งนั้นมีไว้เฝ้าบ้าน เรียกลูกค้า เป็นเมตตามหานิยม ไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะ โดยทั่วไปนั้นผู้บูชาจะตั้งชื่อเอง โดยจะตั้งชื่อที่เป็นมงคล เรียกทรัพย์ต่างๆ กุมารทองชนิดนี้จะไม่มีความดุร้ายสามารถเลี้ยงกันได้ทุกคนไม่มีอันตรายเหมือนอย่างกุมารทองทองชนิดข้างต้น

กุมารทองด้านเมตตาที่สร้างโดยอาจารย์รุ่นเก่าที่ขึ้นชื่อว่าขลังได้แก่หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม แต่ปัจจุบันนี้คือหลวงพ่อแย้มซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเต๋ กุมารทองทางเมตตานี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านของการเฝ้าบ้าน เรียกลูกค้า

วิญญาน 3 ชนิด
การสร้างกุมารทองนั้นแบ่งออกหลักๆเป็น 3 วิธีการสร้างคือ
1. สร้างด้วยดิน 7 ป่าช้าผสมผงพรายกุมาร ผงพรายกุมารนั้นคือผงที่ได้จากการเอากระดูกเด็กมาป่นละเอียดผสมกับผงอิทธิเจและปถมัง กุมารประเภทนี้จะเฮี้ยนและแรงที่สุด แต่มีทั้งคุณและโทษภายในตัว วิญญานที่เชิญลงมานั้นมักเป็นวิญญานในป่าช้า หรือเป็นวิญญานเด็กที่ติดอยู่กับผงพรายกุมารนั่นเอง กุมารประเภทนี้ต้องเซ่นไหว้ให้ดี และหากเวลาผ่านไปนานวันวิญญานภายในตัวกุมารก็สามารถโตขึ้นได้

2. การสร้างด้วยเนื้อดินหรือเนื้อไม้แล้วเชิญญานเทพลงมา กุมารประเภทนี้มักจะไม่ค่อยแสดงตัวเหมือนอย่างแรก เพราะเป็นเทพไม่ต้องเสพอาหารหยาบ ปกติมักปลุกเสกรวมกับพระเครื่อง เช่น กุมารทองของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

3. สร้างด้วยไม้ตายพราย ที่นิยมนั้นมักจะสร้างด้วยเนื้อไม้รักซ้อมตายพรายและไม่มะยมตายพราย เพราะถือว่าไม้ตายพรายนั้นเป็นไม้เทพสถิต มีความขลังอยู่ในตัวแม้ไม่ต้องปลุกเสก เมื่อได้ไม้ชนิดนี้มานั้นอาจารย์ผู้เสกจะประจุอาคมพระเวทย์ จิต ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกอาการ 32 เรียกนาม จนเกิดเป็นวิญญานอุบัติขึ้นมา วิญญานที่เกิดขึ้นมานั้นจะเรียกว่าพราย คือไม่รู้จักโต พรายพวกนี้จะไม่ทำร้ายผู้ใด แต่ถ้าขาดการดูแลจะอ่อนกำลังและสลายไปในที่สุด

ประเภทของกุมารทอง
1.กุมารทองโดยการสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์ เช่น กระดูก ผงมหาภูติ ผงพรายกุมาร กระดูกผีตายโหง น้ำมันพราย หรือแม้แต่พวกลูกกรอกมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นธาตุอาถรรพณ์ที่มีวิญญาณอยู่ในตัวของมันเอง นำมาประกอบเป็นรูปกุมารทอง แล้วปลุกเสกหนุนธาตุ หนุนอาการขึ้น บางทีก็อาจใช้วิญญาณของเจ้าของวัตถุอาถรรพณ์ที่ทำการสะกดนั้นเลย กุมารทองชนิดนี้นิยมเลี้ยงกันในหมู่ของอาจารย์หมอไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมสูงเท่านั้น เพราะกุมารทองชนิดนี้มีอันตรายหากเลี้ยงไม่ดี คุมของไม่อยู่แล้วนั้น จะย้อนเข้าสู่ตนเองจนถึงแก่ชีวิต หรือกลายเป็นคนวิกลจริตได้เลย เปรียบได้เหมือนการเลี้ยงงูจงอางไว้ในบ้านตนเอง
2.กุมารทองที่สร้างจากไม้อาถรรพณ์ อาทิ เช่นไม้ตายพราย ไม้ยืนต้นตายพราย ไม้โดนฟ้าผ่าตาย ไม้ตกน้ำมัน ต้นไม้ใหญ่ที่มีรุกขเทวดา หรือไม้ที่มีพลังอำนาจหรือไม้มงคลบางชนิด บางที่อาจใช้ไม้กาฝากก็ได้ การสร้างกุมารทองชนิดนี้จำต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก เพราะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากมาก ตั้งแต่การพลีกรรมไม้ การแกะหุ่น การปลุกเสก ผู้ที่กระทำพิธีจะต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัดจนมั่นใจว่ากายและใจบริสุทธิ์พอ จึงสามารถทำได้ ปัจจุบันถือว่ากุมารทองชนิดนี้นิยมมากที่สุด เช่น กุมารทองของอ.คม ไตรเวทย์ และอาจารย์สม เป็นต้น
3.กุมารทอง 9 โกฐิ" เป็นกุมารทองที่มีพละกำลังและอิทธิบารมีมากกว่ากุมารทองทั้งมวลเนื่องจากเป็นเทพของ กุมารทอง ผู้เสกต้องมีพลังจิตสูงมากๆ และการเสกจำต้องกระทำกันไม่ต่ำกว่า 3 ปี การสร้างย่อๆคือ ต้องหาโกฐใส่กระดูกเด็กที่ตายด้วยอาการต่างๆ 9 ประเภทตามตำรา ภายในคืนเดียว แล้วหลอมตะกั่วเหล่านั้นกับตัวยันต์ตำราบังคับพร้อมกับพญาว่านบางชนิดในฤกษ์ที่แข็ง ที่สุดคือ ฤกษ์ที่เชื่อกันว่า บรมปู่ขุนแผนเสกกุมารทองในยามนี้ ยามเดือนดับของเดือน 5 นั้นเอง และต้องตรงกับวันเสาร์ จากนั้นจะอุดด้วยผงปถมังโลกีย์กำเนิด อันต้องสร้างโดยผู้มีวิชาจริงๆ ผงนี้เล่าว่าหากตกลงบนตุ๊กตาเด็กก็จะกลายเป็นกุมารทองทันที จากนั้นจึงนำมาเสก ตามตำรากล่าวว่าต้องใช้เวลาเสกถึง 144 เสาร์ 144 อังคารตามกำลังของเทพกุมารบนสรวงสวรรค์ กุมารทองชนิดนี้หาคนทำยาก หากมีแล้วนั้นค่าบูชาจะสูงมากนับหมื่นนับแสนทีเดียว ในอดีตมี พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี สร้าง กุมารทอง 9 โกฐิ นี้องค์พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ดำริจัดสร้างขึ้นมาเองครับ ประกอบด้วยมวยสารโกฐิตะกั่วเก่า จำนวน 9 โกฐิ และผสมชนวนตะกั่วอาถรรพณ์ต่างๆหลากหลายชนิด และใต้ฐานได้อุดผงพรายทองคำ ประชุมธาตุออกมาเป็นกุมารตัวน้อยน่ารัก แถมซนซะด้วยซิ.เรียกเงินเรียกทอง ช่วยพ่อแม่หากินเก่งอีกต่างหาก ถ้าใครมีแล้วหมั่นเลี้ยงดูให้ดีจะให้คุณอนันต์เลยครับ ขอบอก..

4. กุมารทองรักยม แกะจากไม้รักและไม้มะยม ตามตำนานของรัตตะกุมารและยมกะกุมาร อันเกิดจากวิชาสายพระฤๅษีโดยเฉพาะ เป็นการเอาไม้มงคลนามมาแกะเป็นกุมารสององค์แล้วเลี้ยงในน้ำมันจันทร์ หากน้ำมันแห้งเชื่อว่าจะเสื่อมอิทธิฤทธิ์ทันที อย่างไรก็ตามคนก็นิยมเลี้ยงกัน เนื่องจากเลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยาก ราคาถูกถมเถไป หาเช่ากันได้ไม่ยาก แต่ที่สร้างไว้ขึ้นชื่อมากที่สุดมี ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ หลวงพ่อเพิ่ม วัดสามปลื้ม เป็นต้น
5.กุมารทองพยนต์ เกิดจากการนำวัตถุอาถรรพณ์บางชนิดมาขึ้นรูปกุมารทอง เช่น ดิน 7,9 ป่าช้า ผงว่านยา หรือผงพุทธคุณของพระเกจิ หรือคณาจารย์ต่างๆ มาปลุกเสกลงเลขยันต์ เรียกรูปนาม และที่สำคัญคือการใช้วิชาธาตุ 4 หรือที่เรียกว่าการปั่นธาตุ ทางเหนือสายล้านนาเรียกว่า วิชาสี่ท่าห้าธาตุ จนเกิดเป็นวิญญาณหรือเจตภูตมีตัวมีตนสามารถช่วยเหลือคนได้ กุมารทองชนิดนี้หาคนสร้างยากเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลและผู้สืบทอดวิชาน้อยไม่ชัดเจน ที่เห็นๆก็มี หลวงพ่อเต๋ และหลวงพ่อแย้มวัดสามง่าม หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติเท่านั้น

วิธีการนำกุมารทองเข้าบ้านวิธีปฏิบัติและรักษากุมารทองของหลวงพ่อเต๋ คงทอง จากในหนังสือและคำแนะนำจากล.พ.แย้มตามที่ผมสอบถามท่านมาสำหรับ ผู้ที่เลี้ยงกุมารทองทุกท่านไม่ว่าจะเป็นของอาจาร์ยใดควรดูแลให้ดี เมื่อต้องการจะรับกุมารทองไม่ว่าจะมาจากที่ใด ต้องมารับด้วยมือของตนเอง เวลารับไปต้องอุ้มแล้วเชิญขึ้นรถลงรถ เข้าถึงบ้านต้องบอกศาลเจ้า จุดธูป 16 ดอกเพื่อบอกเทวดา 16 ชั้นฟ้าและจุดธูปบอกเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ที่มีอยู่ในบ้านตลอดจนบอกเล่าว่าคนในบ้านมีกี่คน ใครบ้างควรแนะนำให้ท่านรู้จัก ใครจะไปจะมาค้างคืนบอกด้วยถ้าหากภายในบ้านเรามีกุมารทองอยู่ก่อนแล้วให้เราทำการจุดธูปหรือบอกปากเปล่าว่าจะเอาพี่หรือน้องมาอยู่ด้วย และเรายังต้องสอนกุมารในทางที่ดีอีกด้วยเพราะเค้าเป็นเด็กยังไม้รู้อะไรดีไม่ดี
การบูชากุมารทอง +วิธีการเลี้ยง

กุมารทองเป็นของขลังที่วิเศษในตัว ผู้เลี้ยงต้องทำตัวเหมือนคนบ้า สามารถพูดคนเดียวกับวัตถุที่เรียกว่ากุมารทองนั้น การบูชานั้นทำโดยการตั้งเครื่องบูชา ประกอบด้วยข้าวปากหม้อ ไข่ต้ม น้ำแดง น้ำสะอาด ขนมหวาน เวลาให้อาหารให้อย่างน้อยเวลาเช้า 1 เวลา ก่อนที่คนในบ้านจะรับประทานเมื่อถวายอาหารต้องเรียกชื่อกุมารมารับประทาน สำหรับการถวายนั้นให้เราตกลงกับกุมารทองเอาว่าเราสะดวกวันไหน เช่นเราตกลงกับกุมารทองไว้ว่าจะถวายข้าวทุกๆวันพระเราก็ต้องให้เค้าทุกๆวันพระ เพราะกุมารทองเป็นกายทิพย์ถือเรื่องสัจจะเป็นสำคัญ แต่ถ้าหากไม่มีเวลาให้เราบอกเค้าไว้ว่า เวลาไปไหนก็ให้ไปด้วยกันกินอะไรก็กินด้วยกันได้เลยไม่ต้องให้บอกถวายน้ำไม่ควรถวายพวกน้ำอัดลม(หลายคนมักจะถวายเพราะง่ายดี) แต่ที่ถูกท่านควรถวายพวกน้ำชง เช่นน้ำแดงชง โอวัลตินชง ถ้ามีเด็กๆอยู่ในบ้านให้เรียกตุ๊กตาทองว่าพี่

การเลี้ยงกุมารทองต้องเลี้ยงแบบสม่ำเสมอ การจัดตั้งไม่ควรให้ท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันตก หรือปลายเท้าที่นอนหรือใต้บันใด อย่าไว้รวมกับพระพุทธรูป ควรไว้ต่ำกว่า หรือเอาวางไว้ข้างที่นอนของคนเลี้ยง อย่าเอาไว้บนที่สูง และอย่าเอาไว้ใกล้หิ้งพระ หรือสูงกว่าหิ้งพระ ผู้ใดจะใช้กุมารทองเพื่อคุ้มครองบ้านเรือน หรือช่วยเหลือกิจการ ติดต่อค้าขาย ต้องหมั่นบูชา บอกเล่าตามความปรารถนา เมื่อมีผลสำเร็จ ร่ำรวยขึ้น ก็ควรจะตอบแทนท่านโดยการซื้อสร้อยที่มีสีทอง หรือของเล่น ท่านจะพอใจมาก ต้องบอกเล่าเสมอๆจะเกิดลาภ นอกจากนี้หากว่าบนสิ่งใดไว้ก็ให้ตอบแทนตามสิ่งที่บนตามที่เราได้บนเอาไว้

ข้อมูลเหล่านี้ผมได้รวบรวมประสบการณ์ทั้งที่ได้อ่านเจอในหนังสือและได้ฟังจากหลายๆท่านรวมทั้งล.พ.แย้มท่านก็ได้บอกไว้เช่นนี้ ขอให้ทุกท่านที่มีองค์กุมารทองจงเลี้ยงท่านอย่างดีใช้จิตใช้ใจเลี้ยงเมื่อเลี้ยงจนจิตผูกกันจะปรากฏบางสิ่งบางอย่างขึ้นก็ขอให้ทุกท่านประสบแต่โชคดี ร่ำรวยขึ้น จากประสบการณ์ของผมเองและหลายๆท่านที่คิดว่าจะเคยประสบและศรัทธาในองค์กุมารที่ท่านเลี้ยงอยู่ผมจึงหวังว่าทุกท่านที่นำกุมารทองไปเลี้ยงจะเลี้ยงท่านให้ดีที่สุด

คาถาบูชากุมารทอง

ก่อนนอนสวดคาถาบูชาตามนี้ หากจุดธูปใช้ธูป 5 ดอก ท่อง นะโม(3จบ)

พุทธัสสะบูชา ธัมมัสสะบูชา สังฆัสสะบูชา ปติปติบูชา ภะวันตุเม.
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าขอใหว้ตุ๊กตาทอง ขอจงมาบังเกิดในจักขุทวาร ในมโนทวาร ในกายทวาร แห่งข้าพเจ้า ขอเดชะ ข้าพเจ้าใด้บำเพ็ญกุศลมาแต่อเนกอนันทชาติ เกิดด้วยตุ๊กตาทอง ลาภประการจงมาบังเกิดแก่ข้าพเจ้าทั้ง8 ทิศเนืองๆ จงมาทุกวันอย่าได้ขาดสักการะนั้นเลย ให้เหมือนองค์ตุ๊กตาทองนั้นเถิด

(ท่านจะขออะไรก็บอกเล่าตามปรารถนาเถิด จะได้ดังใจ กราบลง3ที)


คาถาบูชากุมารทอง (นะโม 3 จบ)

"นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ จะภะกะสะ จิเจรุนิ

นะออแอ โมออแอ พุทออแอ ธาออแอ ยะออแอ

มะอะอุ พุทธะสังมิ อิติกุมาโร ประสิทธิเม"


คาถาปลุกกุมารของหลวงปู่อั๊บ

ตาตะพะยะปุตตะเอหิจิตตัง ปิยังมะมะ
สำหรับบุคคลผู้ที่ต้องการสัมผัสกับกุมารทอง
1.การที่จะสัมผัสจิตวิญญาณของวัตถุมงคลต่าง ๆ ประเภทที่มีตัว เช่น กุมารทอง รักยม หรือพวกพรายวิญญาณต่าง ๆ ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า เป็นบุคคลที่เข้าข่ายประเภทนี้หรือไม่ครับ.....
-เป็นคนเกิดมาดวงแข็งเช่น เกิดวันเสาร์ วันอังคาร หรือมีดวงเพชฆาตฤกษ์ไหม เพราะบุคคลประเภทนี้มักจะไม่มีสัมผัสทางวิญญาณครับ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าพวกจิตแข็ง จิตจึงมักจูนคลื่นกันไม่ได้ ซึ่งตามสถิติที่เคยสอบถามมา พวกนี้มักจะไม่เคยเจอพวกวิญญาณเลยครับ
-เป็นผู้ศึกษาไสยเวทย์ เพราะบุคคลผู้ที่ศึกษาวิชาไสยเวทย์และวิชาอาคมมาก ๆ รวมทั้งพวกที่นิยมสักยันต์ ลงของต่าง ๆ กับตัว มักจะมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตัว ทำให้พวกผีและพรายต่าง ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ อีกอย่างพวกที่ยิ่งเล่นของทางนี้มาก ๆ จิตจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนจิตแข็ง ทำให้สัมผัสพวกนี้ได้ยากขึ้นก็มี แต่บางคนที่ศึกษาในเรื่องของจิตควบคู่ไปด้วย อาจเกิดอภิญญาได้ตาทิพย์ ได้มโนยิทธิ ก็สามารถสัมผัสพวกวิญญาณนี้ได้ ซึ่งเป็นกรณียกเว้นเฉพาะบุคคลครับ เพราะมีคนที่สัมผัสได้จริง มิใช่แอบอ้างนั้นน้อยมากจริง ๆ
-เป็นบุคคลที่นิยมพกของขลังประเภทกันและแก้ หรือเครื่องรางพวกที่ใช้ขับไล่ภูติผีปีศาจอยู่กับตัวหรือมีติดบ้านไว้ ได้แก่
1.ปู่ฤาษีตาไฟ
2.ท่านท้าวเวสสุวัณ
3.เบี้ยแก้
4.วัว-ควายธนูอาคมต่าง ๆ
5.หุ่นพยนต์บางสายวิชา
หากไม่ทำการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ให้ดี อาจเป็นการขับไล่พวกภูติพรายต่าง ๆ ออกไปก็ได้ ดังนั้นก็คงยากที่จะสัมผัสหรือเห็นได้ครับ......
-เป็นพวกเชื้อสายจีน ที่นับถือผีบรรพบุรุษ ต้องทำการบอกกล่าวให้ดีเพราะผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ท่านมักไม่ชอบพรายเหล่านี้
-บ้านที่มีอาถรรพ์เจ้าที่แรงและมีศาลของตาสียายสา เรียกถูกไหมหว่า เอาเป็นว่าศาลของคนแก่ ๆ ที่มักนิยมปลูกเคียงข้างกับศาลพระภูมิเจ้าที่ตามบ้านเรือนก็แล้วกันครับ ต้องทำการบอกกล่าวให้ดีและชัดเจนด้วย ที่สำคัญอย่าลืมธูป 12 ดอกเป็นสำคัญครับ......

2.ให้ลองจุดธูปเรียกดูครับ ตามสายวิชาของผมให้จุดธูป 5 ดอกเป็นปฐมฤกษ์เพื่อบูชาพ่อดำแม่ดำในสายวิชาเงี้ยว ผู้เป็นพ่อครูแม่ครูเก๊าในการสร้างพวกพรายต่าง ๆ ทางล้านนาครับ แล้วจุดเรียกกุมารหรือรักยม อีก 1 ดอก ตามด้วยคาถาสากลที่ใช้กับพวกพรายเด็กได้ทุกประเภท ที่ว่า กุมะจิระจา จิเจรุนิ ท่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าจิตจะสร้างมโนภาพก่อเกิดเป็นรูปกุมารอย่างชัดเจนในมโนความคิดครับ แล้วก็ทำการบอกกล่าวตามจิตประสงค์ได้เลย.....อยากให้เขามาเข้าฝันก็ลองบอกดูนะ ลองซัก 7 วันน่าจะเห็นอะไรได้บ้าง และควรทำตอนกลางคืนนะครับ ยิ่งดึกจะยิ่งดี เพราะจิตจะได้จูนกันง่ายขึ้น.........

3.ต้องฝึกสมาธิควบคู่กันไปด้วยครับ เอาแค่ คำว่า พุท-โธ ก็พอแล้ว อย่างน้อยวันละ 5-10 นาทีต่อวันก็ยังดี อีกอย่างควรทำก่อนนอนจะยิ่งดีครับ จิตจะได้สงบปลอดโปร่งและสัมผัสอะไรได้มากขึ้น........

4.หมั่นถวายขนม น้ำแดง ของเล่นต่าง ๆ ให้เขาตลอด และอย่าลืมเซ่นไหว้ตามที่ทางเราบอกนะครับ ถึงแม้จะสัมผัสตัวเขาไม่ได้ แต่หากบูชาแล้วเห็นผลดีขึ้นต่อชีวิตของคุณ หรือมีโชคลาภลอยต่าง ๆ ก็น่าจะดีแล้วนะถึงแม้จะสัมผัสตัวเขาไม่ได้ก็ตามที

5.วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายจริง ๆ แต่ต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลที่เยอะที่สุดนะ คือ เอาไปให้เกจิอาจารย์ที่คุณนับถือและคิดว่าท่านสามารถตรวจดูให้ได้หรือพวกหมอดูตาทิพย์ หรือพวกจับพลังพุทธคุณต่าง ๆ ให้ท่านเหล่านั้นเช็คดูครับ ว่าพวกพรายที่เราเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น