วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิญญาณยังอยู่

"ฤทัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณมาเยือน* ดิฉันชอบอ่านหนังสือเรื่องจิตวิญญาณ และความเร้นลับต่างๆ ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะในชีวิตจริงดิฉันพบเจอเรื่องทำนองนี้เ ป็นประจำ

วัน หนึ่ง ดิฉันได้หนังสือภาษาอังกฤษมาเล่มหนึ่ง อ่านยากสักหน่อย และต้องเปิดดิกชันนารีกันชุลมุน แต่ก็ไม่ท้อหรอกค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องผีที่คนอเมริกันเขาเขียนเล่าสู่กั นฟัง

เมื่ออ่าน แล้วก็รู้สึกดีใจ เพราะได้พบว่าฝรั่งเขาก็เชื่อเรื่องผีวิญญาณกันมากที เดียว...และประสบการณ์ ของเขาก็เหมือนกับของเราเปี๊ยบเลย อย่างนี้จะว่าผีไม่มีจริงได้อย่างไร?

ขอเล่าเรื่องของดิฉันก่อนนะคะ

ดัง ที่บอกมาแล้วว่า ดิฉันมักจะได้ประสบเรื่องเหล่านี้บ่อยมาก จนเพื่อนๆ บอกว่ามีซิกธ์เซนส์ หรือสัมผัสที่หก ก็เกือบๆ จะเป็นคนเห็นผีละค่ะ แต่ไม่ถึงขนาดนั้น นับว่ายังโชคดี...ไม่งั้นป่านนี้หัวโกร๋นต้องซื้อวิก ใส่แล้ว

เรื่องเจ๋งที่สุดเกิดขึ้น 30 กว่าปีก่อน ตอนดิฉันอายุ 12 ปีเท่านั้นเอง!

ดิฉันนอนกับพี่สาวในห้องนอนของเรา โดยอยู่กันคนละเตียง มีโต๊ะคั่นกลาง พี่สาวนอนด้านในชิดผนังห้อง

คืน หนึ่งราวตีสอง ดิฉันตื่นขึ้นมาเฉยๆ ซึ่งน่าแปลกมาก เพราะเด็กขนาดนั้นมักจะนอนรวดเดียวถึงเช้า แต่คืนนั้นตื่นและรู้สึกว่ามีใครมา ปกติเวลานอนเราจะดับไฟมืดสนิท ดิฉันลืมตาในความมืด และประตูห้องก็เปิดออก...มันเปิดได้ยังไงทั้งๆ ที่เราล็อกไว้ดิบดี? เอ...หรือว่าจะลืมล็อก...

ใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ดิฉันรีบเปิดไฟหัวเตียง ส่วนพี่สาวนอนหลับสนิทเลยค่ะ

ใคร คนนั้นคือ "น้าแป้ง" ของดิฉันเอง เธอเป็นคนที่ดิฉันรักมาก ตอนนั้นเธออายุ 24 ปี เป็นน้องคนสุดท้องของแม่ และสวยมาก น้าแป้งเรียนจบปริญญาโท ทำงานบริษัทฝรั่งได้เงินเดือนสูง ขับรถคันหรู จำได้ว่าเป็นยี่ห้อจากัวร์ สีน้ำตาลเป็นมันปลาบ ขับไปทางไหนคนก็มองเหลียวหลัง

พอเห็นว่าเป็นน้าแป้งก็โล่งใจ แต่แปลกใจว่าน้าแป้งเข้ามาทำไมตอนดึกๆ อย่างนี้?

ปรากฏ ว่าเธอมาถึงเตียงดิฉันและนั่งลงริมเตียง ดิฉันยังรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ยวบลงมา เธอยิ้ม...ใบหน้านั้นสวยแต่ดูเหมือนหน้ากาก! คือมันแห้งผาก ไร้ชีวิตชีวายังไงพิกล...น้าแป้งยกนิ้วชี้แตะปากตัวเ องเป็นเชิงให้ดิฉัน เงียบๆ แล้วเธอก็พูดเบาๆ ว่า "น้าจะไปแล้วนะ บอกแม่ด้วยว่าน้าไม่เป็นไรเลย ไม่เจ็บไม่ทรมาน สบายดีทุกอย่าง"

เธอพูดได้แค่นี้ก็ลุกขึ้นยืนและ เดินออกไป ดิฉันชันตัวขึ้นมองตามหลัง สังเกตเห็นว่าเท้าเธอไม่ติดพื้นค่ะ...มันลอยขึ้นมาเห มือนเธอเดินอยู่กลาง อากาศ

เท่านั้นแหละ ดิฉันวิ่งอ้าวไปที่ห้องแม่ ร้องไห้ใหญ่ แม่บอกว่าดิฉันฝันไป...แต่พอตอนเช้าก็รู้ข่าวว่าน้าแ ป้งรถคว่ำ เสียชีวิตตอนตีหนึ่งกว่าๆ

เรื่องที่ดิฉันพบนี่น่าประทับใจมาก ทุกวันนี้เรายังพูดถึงกันไม่รู้เบื่อ มันพิสูจน์ได้ว่าวิญญาณมีจริง และดิฉันมีอีกเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง ตามที่บอกว่าอ่านพบในหนังสือฝรั่งเขาน่ะค่ะ

คนที่เขียนมาเล่าเป็น ผู้หญิงจากรัฐฟลอริดาชื่อบิลลี่ ชื่อเหมือนผู้ชายนะคะ แต่สะกดต่างกัน คือสะกดเป็น บี-ไอ-ดับเบิ้ลแอล-ไป-อี ไม่ได้สะกดด้วยตัว วาย

แม่เธอตายด้วยวัยเพียง 52 ปีจากโรคมะเร็งร้าย!

บิล ลี่เล่าว่า เมื่อเสร็จจากพิธีฝังศพแม่แล้ว เธอก็กลับมาที่บ้านของแม่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ า ก็น่าอยู่หรอกค่ะ เพราะเธอเป็นแม่ลูกอ่อนนี่คะ ลูกเธอเพิ่งอายุเดือนเดียวเอง

พอมา ถึงบ้านแม่ บิลลี่ก็วางลูกไว้ในเก้าอี้เด็กอ่อน มันเป็นเก้าอี้เล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นเบาะซะมากกว่า แต่แข็งแรงมั่นคง สามารถวางเอนๆ ได้เหมือนเปล และมีสายนิรภัยรัดไว้ด้วย ส่วนตัวเธอเองก็เอนลงนอนบนโซฟา พอวางศีรษะลงกับหมอนอิงเท่านั้นแหละ บิลลี่ก็มองเห็นแสงเรืองๆ ที่ประตูห้อง เป็นแสงวงรีๆ สว่างสีขาว และแล้ว...แสงนั้นก่อตัวเป็นแม่ของเธอ!

ร่างผู้เป็นที่รักนั้นบางใสจนมองทะลุได้ และดูเจิดจ้าด้วยแสงเรืองรอง

แม่ของบิลลี่สวมเสื้อคลุมสีขาวเป็นประกาย และดูสวยมาก บิลลี่ไม่เคยเห็นแม่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย...

ท่าน เดินตรงเข้ามาที่เปลเด็ก เท้านั้นไม่ติดพื้น แต่ลอยอยู่เหนือพื้นราวหกนิ้วฟุต จากนั้นท่านก็ก้มลงมองหลาน พลางเอามือแตะที่คางเด็กน้อย และพูดว่า "หลานน่ารักเหลือเกิน"

เมื่อเชยชมหลานตัวน้อยแล้ว ท่านก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะสลายหายไป
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น