วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

คืนหนึ่งที่อยุธยา!

ครูเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพาเด็กไปทัศน ศึกษา

ดิฉัน เป็นครูของเด็กนักเรียนระดับประถม โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะ เหตุการณ์ขนหัวลุกที่จะเล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อดิฉันต้องดูแลเด็กๆ ไปเข้าค่ายที่อยุธยา

โรงเรียนดังกล่าวนี้เป็นโรงเรียนแบบสองภาษา ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง แถมยังมีการสอนพิเศษอื่นๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักเรียนให้ดีที่สุด เช่น ว่ายน้ำ คอมพิวเตอร์ บัลเลต์ แต่ละคอร์สนั้นมีค่าใช้จ่ายคนละหลายพัน เช่นเดียวกับการออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งแต่ละครั้งผู้ปกครองต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าห้าพันบาท

ที่บอกมานี้ไม่ได้อวด หรือทำให้ท่านผู้อ่านเกิดอาการขนหัวลุกกับค่าใช้จ่าย นะคะ!

สมัยนี้ก็แบบนี้ล่ะค่ะ ดิฉันเพียงแต่จะให้เห็นภาพว่าสิ่งแวด ล้อมโดยรวมของโรงเรียนและลูกศิษย์ตัวน้อยนั้น ทุกอย่างต้องชั้นหนึ่งเสมอ

การพา เด็กไปเข้าค่ายทุกครั้ง เราก็ไม่ได้พาเด็กไปนอนกลางดินกินกลางทรายตามค่ายพัก แรมทั่วๆ ไปนะคะ แต่เราไปเหมาชั้นของโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป ผู้ปกครองจะตามไปดูก็ได้ค่ะ และทุกท่านพอใจมากในการที่เห็นลูกๆ ได้อยู่สบายและปลอดภัยที่สุด...ลูกศิษย์ดิฉันนอนห้อง แอร์ ตื่นเช้าก็กินเบรกฟาสต์อย่างดี และขึ้นรถทัวร์ไปทัศนศึกษา

การพาเด็กไปเข้าค่ายคราวนี้ เราไปถึงสุโขทัยแน่ะค่ะ เด็กๆ สนุกมาก ขากลับเข้ากรุงเทพฯ เราก็ค้างที่อยุธยากัน 2 คืน

โรงแรม หรูที่อยุธยานี่สะดวกสบายมากค่ะ เราให้เด็กนอนห้องละ 3-4 คน โดยแยกเด็กหญิงกับเด็กชาย รวมเด็กทั้งหมดร้อยคนเศษ เป็นเด็ก ป.4 กำลังน่ารักน่าเอ็นดูกันทั้งนั้น

คืนแรกที่ไปถึง เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนาน แม้จะเดินทางไกลกลับมาจากสุโขทัยก็ตาม พวกเขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ พวกครูๆ สิคะชักจะเหนื่อยแล้วล่ะ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กๆ แล้วเราก็ชื่นใจหายเหนื่อย

ราว 4 ทุ่ม ดูแลความเรียบร้อย พาลูกศิษย์เข้านอนครบทุกคน น่าสังเกตว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่นอนหัวค่ำ ราว 3-4 ทุ่มแกก็ง่วงกันแล้วค่ะ ทำให้งานของครูๆ เบาลงเยอะเชียว

ดิฉันอยู่ในบรรยากาศที่น่าสบายใจมาก หลังจากไปเซย์กู้ด ไนต์กับเด็กทุกห้องแล้ว ดิฉันก็กลับมานอนกับลูกศิษย์ 3 คนในห้องพัก ที่อยู่ในช่วงกลางของห้องทั้งหมดในฟลอร์นั้น

ห้องนี้ก็อยู่หน้าลิฟต์พอดีเป๊ะ!

เมื่อเด็กๆ หลับกันหมดแล้ว ดิฉันก็เขียนรายงานประจำวันอีก 2-3 หน้า จากนั้นก็อาบน้ำแล้วปิดไฟนอน

กลาง ดึกสงัด และเสียงเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ ดิฉันลืมตาขึ้นในความมืด หูแว่วเสียงเด็กจำนวนมากมาเล่นกันอยู่ที่หน้าห้อง... มันเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าว ราวกับพวกแกกำลังสนุกสนานกันสุดขีด สงสัยว่าจะวิ่งเล่นไล่จับกันมั้ง นั่นน่ะ?

ดิฉันนอนนิ่ง ลืมตาโพลง ท่านผู้อ่านคงจะเห็นใจดิฉันนะคะ ว่าคนเพิ่งตื่นใหม่ๆ ช่วง 2-3 วินาทีแรกมันมึนงงน่าดูเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกทีเดียว หลังจากนั้น สติก็เริ่มมา

ดิฉันขนลุกซ่า...มันอะไรกันนี่? เป็นไปไม่ได้แน่!

ขณะ ผุดลุกขึ้นนั่ง เสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กๆ หน้าห้องก็ยังได้ยินอยู่อย่างชัดเจน...เป็นเด็กธรรมด าๆ นี่ล่ะค่ะ ลองนึกภาพตามมานะคะ...เสียงนั้นไม่ผิดอะไรกับเด็กสัก สิบคนมาวิ่งเล่นกัน จริงๆ แต่ดิฉันก็ตระหนักดีว่ามันเป็นไปไม่ได้...ยิ่งเมื่อห ยิบนาฬิกาขึ้นมาดูและพบ ว่าเป็นเวลาตี 2 ดิฉันก็ยิ่งขนลุก แต่เสียงที่เหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ ทำให้ดิฉันชักลังเล

เอ...รึว่าลูกศิษย์แสนซนจะนอนไม่หลับเลยลุกมาวิ่งเล่ นกัน แต่...มันเป็นไปไม่ได้!

ไม่ รู้อะไรมาดลใจ ดิฉันลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยรู้ตัวนัก แล้วเดินไปที่ประตู...หลังจากชะงักอยู่อึดใจ ดิฉันก็ปลดโซ่ ปลดล็อก เปิดประตูออกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?

คุณพระช่วย! ดิฉันเย็บวาบไปทั้งร่าง คิดว่าจะเจอแต่ความว่างเปล่า...แต่ไม่ใช่ค่ะ! มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่หน้าห้อง เธอนุ่งผ้าถุงสีแดง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวสะอาด ผมสั้นแค่หูเหมือนเด็กนักเรียน

เธอกำลังกระโดดเชือกเล่นอยู่คนเดียว และหันหลังให้ดิฉันด้วย

ไม่ต้องเดาหรอกค่ะ เห็นแค่นั้น...ดิฉันก็รู้ว่าผี!!

ทัน ใดที่ดิฉันนึกถึงคำว่า "ผี" เด็กน้อยก็หยุดกึก ยืนนิ่ง มือทั้งสองที่แต่ละข้างถือปลายเชือกห้อยอยู่ข้างตัว และแล้ว...เธอก็ค่อยๆ หันมา...หันมา...แต่ส่วนไหล่และช่วงลำตัวยังนิ่งสนิท คล้ายรูปปั้น เธอหันเหมือนลินดา แบลร์ ในหนังเรื่อง "เอ็กโซซิสต์" ยังไงยังงั้น

ใบหน้าเธอสะสวยน่ารัก และเธอยิ้มให้อย่างแจ่มใสที่สุด แต่ดิฉันหน้ามืด วูบไปเลยค่ะ

เป็น อันรู้กันว่าดิฉันเหนื่อยจนลมจับกลางดึก ขณะมาตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ อีกรอบ มีเพื่อนครูของดิฉันไม่กี่คนที่รู้ความจริง...ความจร ิงที่น่าขนหัวลุกที่สุด ค่ะ!
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น